ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้า sideway ตามหุ้นตปท.ยังต้องจับตาวิกฤตการเงิน-การเมือง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 27, 2008 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะเป็นลักษณะ sideway และปรับฐานเพราะตลาดเราเมื่อวันศุกร์ค่อนข้าง Over react กับตลาดต่างประเทศพอสมควร แต่เมื่อคืนดาวโจนส์ก็ไม่ได้ลงมากนักประมาณ 300 กว่าจุด และดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลงไป 500 กว่าจุด เชื่อว่าตลาดเราวันนี้น่าจะ มีการ sideway ในกรอบแคบๆ ซัพพอร์ต 420 จุด แนวต้าน 450 จุด

ปัจจัยภายนอกยังต้องจับตาเรื่องวิกฤตการเงินโลกส่วนภายในเรื่องการเมืองยังกดดันเหมือนเดิม ช่วงนี้แนะ wait and see

ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(24 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,378.95 จุด ลดลง 312.30 จุด(-3.59%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 876.77 จุด ลดลง 31.34 จุด(-3.45%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,552.03 จุด ลดลง 51.88 จุด (-3.23%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,666.81 ล้านบาทเมื่อวันศุกร์ (24 ต.ค.)
  • ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ 64.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3.69 ดอลลาร์
  • สหพัฒน์ ประกาศเอกชนเลิกหวังพึ่งรัฐบาล ตั้งวอร์รูมเกาะติดวิกฤติ 'ประมนต์' ประเมินหากความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่ยุติภายในเดือนพ.ย.-ธ.ค. นี้ เชื่อว่าจะทำให้จีดีพีลดลง 1% เหลือโตไม่ถึง 3% กระทบการจ้างงานระบุรายได้ภาคส่งออกและท่องเที่ยวจะหายไปกว่า 1 แสนล้านบาท ชี้รัฐตั้งเป้าส่งออกโต 10% เป็นได้แค่ฝันเรียกประชุมคระกรรมการสภาหอการค้าวันนี้หารือจุดยืน และหาทางรับมือวิกฤติด้านสหพัฒน์ประกาศเอกชนเลิกหวังรัฐบาลแนะใช้นโยบายบาทอ่อนดอกเบี้ยต่ำต่อลมหายใจธุรกิจรายย่อย
  • 'สศช.' ชงแผนบริหารราชการแผ่นดิน 'โอฬาร' วันนี้เสนอรัฐบาลจัดทำงบขาดดุลต่อเนื่องอีก 3 ปี โหมลงทุนภายในประเทศ รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเสนอปรับแผนการใช้งบปี 2552 มุ่งลงทุนสาธารณสุขและปรับปรุงคุณภาพการศึกษาด้านคลัง
เตรียมทำเวิร์คชอปบูรณาการยุทธศาสตร์การเงินและการคลัง รับมือวิกฤติการเงิน ยันนโยบายบาทอ่อนและดอกเบี้ยต่ำช่วยลดผลกระทบภาคการผลิตส่งออก และการบริโภค
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25-0.50% เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้าจากผลกระทบวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ
  • นายกรัฐมนตรี จะสานต่อการระดมเงินทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน คล้าย ๆ กับ IMF ซึ่งจะทำให้ประเทศยากจน ได้รับประโยชน์มาก ตามแนวคิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
  • โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เอเชียคงหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าคงมีไม่มากนัก เนื่องจากเอเชียยังมีกองทุนที่เพียงพอในการรับมือ โดยเฉพาะระบบธนาคารที่มีทุนสำรองอยู่14-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังสูงกว่ามาตรฐาน แต่ทั้งนี้ในส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากตะวันตก ซึ่งมีการเทขายหุ้นออก ดังนั้นเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนเอเชียและไทยจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ดีและราคาถูก ทั้งนี้ หากเอเชียมีเงินเพียงพอ คาดว่าจะทำให้ GDP สามารถอยู่ที่ 5% ได้
  • โอฬาร เผย รัฐบาลได้เตรียม 6 มาตรการเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก โดยจะต้องใช้เงินในครั้งนี้จำนวน 1.22 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นการการเพิ่มเงินลงไปในระบบสินเชื่อจำนวนราว 4.5 แสนล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้กับทุกภาคส่วน ทั้งธุรกิจ SMEs เกษตรกรรายย่อย มาตรการคนไทยลงทุนในตลาดหุ้นจำนวน 1.1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ปริมาณเงินมหาศาลจะไม่ทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณแต่อย่างใด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ