นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส (ASP) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้น่าจะเป็นลักษณะ sideway และปรับฐานเพราะตลาดเราเมื่อวันศุกร์ค่อนข้าง Over react กับตลาดต่างประเทศพอสมควร แต่เมื่อคืนดาวโจนส์ก็ไม่ได้ลงมากนักประมาณ 300 กว่าจุด และดาวโจนส์ฟิวเจอร์ลงไป 500 กว่าจุด เชื่อว่าตลาดเราวันนี้น่าจะ มีการ sideway ในกรอบแคบๆ ซัพพอร์ต 420 จุด แนวต้าน 450 จุด
ปัจจัยภายนอกยังต้องจับตาเรื่องวิกฤตการเงินโลกส่วนภายในเรื่องการเมืองยังกดดันเหมือนเดิม ช่วงนี้แนะ wait and see
- ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(24 ต.ค.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,378.95 จุด ลดลง 312.30 จุด(-3.59%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 876.77 จุด ลดลง 31.34 จุด(-3.45%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,552.03 จุด ลดลง 51.88 จุด (-3.23%)
- นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,666.81 ล้านบาทเมื่อวันศุกร์ (24 ต.ค.)
- ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวันที่ 24 ต.ค.ที่ 64.15 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 3.69 ดอลลาร์
- สหพัฒน์ ประกาศเอกชนเลิกหวังพึ่งรัฐบาล ตั้งวอร์รูมเกาะติดวิกฤติ 'ประมนต์' ประเมินหากความขัดแย้งทางการเมืองยังไม่ยุติภายในเดือนพ.ย.-ธ.ค. นี้ เชื่อว่าจะทำให้จีดีพีลดลง 1% เหลือโตไม่ถึง 3% กระทบการจ้างงานระบุรายได้ภาคส่งออกและท่องเที่ยวจะหายไปกว่า 1 แสนล้านบาท ชี้รัฐตั้งเป้าส่งออกโต 10% เป็นได้แค่ฝันเรียกประชุมคระกรรมการสภาหอการค้าวันนี้หารือจุดยืน และหาทางรับมือวิกฤติด้านสหพัฒน์ประกาศเอกชนเลิกหวังรัฐบาลแนะใช้นโยบายบาทอ่อนดอกเบี้ยต่ำต่อลมหายใจธุรกิจรายย่อย
- 'สศช.' ชงแผนบริหารราชการแผ่นดิน 'โอฬาร' วันนี้เสนอรัฐบาลจัดทำงบขาดดุลต่อเนื่องอีก 3 ปี โหมลงทุนภายในประเทศ รับมือเศรษฐกิจโลกชะลอตัวเสนอปรับแผนการใช้งบปี 2552 มุ่งลงทุนสาธารณสุขและปรับปรุงคุณภาพการศึกษาด้านคลัง
- ศูนย์วิจัยกสิกรไทยคาดในการประชุมวันที่ 28-29 ต.ค.นี้ เฟดจะปรับลดดอกเบี้ยลงอีก 0.25-0.50% เพื่อพยุงเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มชะลอตัวลงมากในช่วงครึ่งหลังของปีนี้และต่อเนื่องไปถึงต้นปีหน้าจากผลกระทบวิกฤตสถาบันการเงินสหรัฐฯ
- นายกรัฐมนตรี จะสานต่อการระดมเงินทุนในกลุ่มประเทศอาเซียน คล้าย ๆ กับ IMF ซึ่งจะทำให้ประเทศยากจน ได้รับประโยชน์มาก ตามแนวคิดพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
- โอฬาร ไชยประวัติ รองนายกรัฐมนตรี ระบุว่า เอเชียคงหนีไม่พ้นที่จะได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ แต่เชื่อว่าคงมีไม่มากนัก เนื่องจากเอเชียยังมีกองทุนที่เพียงพอในการรับมือ โดยเฉพาะระบบธนาคารที่มีทุนสำรองอยู่14-15 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งยังสูงกว่ามาตรฐาน แต่ทั้งนี้ในส่วนที่ได้รับผลกระทบ คือตลาดหุ้น เนื่องจากนักลงทุนส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนจากตะวันตก ซึ่งมีการเทขายหุ้นออก ดังนั้นเป็นโอกาสอันดีที่นักลงทุนเอเชียและไทยจะเข้าไปช้อนซื้อหุ้นที่ดีและราคาถูก ทั้งนี้ หากเอเชียมีเงินเพียงพอ คาดว่าจะทำให้ GDP สามารถอยู่ที่ 5% ได้
- โอฬาร เผย รัฐบาลได้เตรียม 6 มาตรการเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และยุโรปที่กำลังประสบปัญหาอย่างหนัก โดยจะต้องใช้เงินในครั้งนี้จำนวน 1.22 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็นการการเพิ่มเงินลงไปในระบบสินเชื่อจำนวนราว 4.5 แสนล้านบาท เพื่อปล่อยกู้ให้กับทุกภาคส่วน ทั้งธุรกิจ SMEs เกษตรกรรายย่อย มาตรการคนไทยลงทุนในตลาดหุ้นจำนวน 1.1 แสนล้านบาท ทั้งนี้ ปริมาณเงินมหาศาลจะไม่ทำให้รัฐบาลขาดดุลงบประมาณแต่อย่างใด