MINT ตั้งเป้าขยาย"เดอะ พิซซ่าฯ"-"สเวนเซ่นส์"ในจีนเพิ่ม เน้นขายแฟรนไชส์

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 27, 2008 11:09 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) เปิดเผยว่า เดอะ ไมเนอร์ฟู้ด กรุ๊ป (MFG)ตั้งเป้าขยายฐานธุรกิจอาหารในประเทศจีน มองตลาดมีศักยภาพสูง เน้นขายสิทธิแฟรนไชส์ แบรนด์ "เดอะ พิซซ่า คอมปานี" และ "สเวนเซ่นส์" ขณะที่ฐานธุรกิจอาหารในไทย มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 30%

" MFG ยังคงแสวงหาโอกาสใหม่ๆ ในอนาคต ส่วนหนึ่งมีเป้าหมายที่จะมุ่งขยายฐานธุรกิจในประเทศจีนซึ่งเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูงผลจากความมุ่งมั่นในการขยายธุรกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการขายสิทธิแฟรนไชส์ แบรนด์ เดอะ พิซซ่า คอมปานี และสเวนเซ่นส์ซึ่งที่ผ่านมาประสบผลสำเร็จอย่างต่อเนื่องทั้งในประเทศและต่างประเทศ" เอกสารเผยแพร่ระบุ

ทั้งนี้ ในประเทศจีน เดอะ พิซซ่า คอมปานี และสเวนเซ่นส์ มีการขยายตัวของสาขาแฟรนไชส์จาก 197 สาขา เป็น 225 สาขาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งปัจจุบันมีร้านเดอะ พิซซ่า คอมปานี 15 สาขา และ ซิซซ์เล่อร์ 6 สาขา

และ MFG ได้เซ็นสัญญาขายสิทธิแฟรนไชส์ไปแล้ว 2 ราย และอยู่ระหว่างการเจรจาจำนวน 3 ราย ด้วยมีความมุ่งมั่นที่จะขยายธุรกิจออกไปยังมลฑลต่างๆ ในเมืองจีนในรูปแบบของการให้สิทธิ์แฟรนไชส์ MFG ได้ตั้งเป้าหมายว่าภายใน 3 ปีจะต้องมีร้านสาขาแฟรนไชส์ในประเทศจีนในจำนวนใกล้เคียงกับร้านที่ลงทุนเอง

ส่วนในประเทศไทยมีร้านสาขาแฟรนไชส์ของแบรนด์ทั้งสองเพิ่มขึ้นจาก 90 สาขาเป็น 131 สาขาในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในด้านการให้สิทธิ์แฟรนไชส์ในต่างประเทศ ได้แก่ แบรนด์ "เดอะ คอฟฟี่ คลับ"

อย่างไรก็ตาม ธุรกิจอาหารในประเทศไทยของ MFG มีส่วนแบ่งการตลาดมากกว่าร้อยละ 30 ของธุรกิจร้านอาหารบริการด่วนสไตล์ตะวันตกและยังคงมีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งแม้ว่าที่ผ่านมาจะต้องเผชิญกับสถานการณ์ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดต่ำลงและ ความไม่มั่นคงทางการเมือง

ในช่วง 9 เดือนแรกของปี แบรนด์หลักของ MFG ได้แก่ เดอะ พิซซ่า คอมปานี สเวนเซ่นส์ ซิซซ์เล่อร์ แดรี่ ควีน และเบอร์เกอร์ คิง มียอดขายรวมทุกสาขาในประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 และมียอดขายร้านสาขาเดิม (samestore-sale) ในประเทศไทยเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 และคาดว่าธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทยของ MFG จะยังคงมีการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งต่อเนื่อง และมีส่วนสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจออกไปในระดับสากล

เมื่อ ก.ย.ที่ผ่านมา MFG มีจำนวนสาขาร้านอาหารภายใต้การบริหารงาน ครบ 1,000 สาขา ซึ่งเป็นการขยายสาขาทั้งในส่วนที่บริษัทลงทุนเองและร้านสาขาแฟรนไชส์ควบคู่ไปกับการเพิ่มจำนวนสาขาร้านอาหารในเครือด้วยการเข้าลงทุนในบริษัทที่ประสบความสำเร็จในต่างประเทศช่วงไตรมาสแรกของปี

โดยที่ผ่านมา MFG มีการขยายจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 ต่อปี จากจำนวน 558 สาขาในปี 2548 เพิ่มขึ้นเกือบเท่าตัวเป็นกว่า 1,000 สาขาในปัจจุบัน ในขณะที่ยอดขายต่อปีเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 8 พันล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นในอัตราร้อยละ 17 ต่อปี

นอกจากนี้ การลงทุนในแบรนด์ เดอะ คอฟฟี่ คลับ และไทยเอกซ์เพรส นับว่าเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่นอกจากจะทำให้ร้านสาขาของบริษัทมีการกระจายตัวในต่างประเทศแล้ว แบรนด์ทั้งสองซึ่งมีผลการดำเนินงานดีกว่าที่คาดไว้ จะมีส่วนสำคัญในเพิ่มผลกำไรให้กับบริษัทในปีนี้

โดยเดอะ คอฟฟี่ คลับ เป็นหนึ่งผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์ร้านอาหารและกาแฟที่ใหญ่ที่สุดและเติบโตเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศออสเตรเลีย ซึ่ง MFG ได้เข้าลงทุนตั้งแต่เดือนมกราคมและล่าสุด เดอะ คอฟฟี่ คลับ ได้รับรางวัลผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชนส์ร้านอาหารยอดเยี่ยมประจำปี จาก the Franchise Council of Australia

ปัจจุบัน เดอะคอฟฟี่ คลับ มีร้านสาขากว่า 200 แห่ง โดยมียอดขายรวมปีละกว่า 200 ล้านเหรียญออสเตรเลีย เช่นเดียวกับ ไทยเอกซ์เพรส ซึ่งบริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในเดือนพฤษภาคมก็มีผลการดำเนินงานเป็นที่น่าประทับใจเช่นกัน โดยมีสาขาที่ลงทุนเองกว่า 40 สาขาและคาดว่าจะสามารถมีกำไรหลังหักภาษีแล้วถึง 9 ล้านเหรียญสิงคโปร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ