(เพิ่มเติม) "ภัทรียา"มองหุ้นร่วงแรงจากวิกฤติเชื่อมั่นทั่วโลก แนะรอดูบจ.ประกาศงบ Q3

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday October 27, 2008 18:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า การที่ดัชนีหุ้นไทยวันนี้ปรับลงแรงจนต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker นั้นเนื่องมาจาความวิตกกังวลในเรื่องของปัจจัยภายนอกทำให้ดัชนีร่วงลง 10% เข้าหลักเกณฑ์การหยุดซื้อขายหุ้นเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง

อย่างไรก็ตาม การปรับตัวลงในครั้งนี้เป็นการปรับตัวลดลงในทิศทางเดียวกับภูมิภาค อย่างฮ่องกงก็ปรับลงถึง 12% บางแห่งก็ลดลง 8-9% จากวิกฤติความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ทำให้เทขายหุ้นทั่วโลกแล้วหันมาถือเงินสด จากความกังวลปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจที่ลุกลามไปยังยุโรป

ส่วนตลท.จะมีออกมาตรการมารองรับตลาดหุ้นที่ปรับลงแรงหรือไม่ กรรมการและผู้จัดการ ตลท. กล่าวว่า คงจะไม่มีมาตรการอะไรออกมาเพราะเรื่องทีเกิดขึ้นเป็นผลกระทบมาจากต่างประเทศ เพราะฉะนั้นอยากให้นักลงทุนติดตามข้อมูลก่อนตัดสินใจลงทุนเพราะเรื่องดังกล่าวไม่สามารถบรรเทาและจบได้ง่าย

ผู้จัดการ ตลท.กล่าวอีกว่า อยากให้นักลงทุนติดตามการประกาศงบการเงินไตรมาส 3/51 ของบริษัทจดทะเบียนที่จะประกาศออกมาในวันที่ 15 พ.ย.นี้ ซึ่งน่าจะเห็นผลกระทบที่เกิดขึ้นได้ว่าแม้ผลการดำเนินการอาจปรับลงบ้างเมื่อเทียบไตรมาส 3/50 แต่หากดูจากกลุ่มธนาคารที่ประกาศงบการเงินมาแล้วก็ยังมีกำไร แสดงให้เห็นว่า ธนาคารของไทยมีความระมัดระวังในการบริหารความเสี่ยงได้ดีกว่าเมื่อเทียบกับธนาคารในสหรัฐ

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นในเรื่องต้นทุนพลังงานที่ลดลงตามราคาน้ำมันที่อาจเป็นผลดีต่อธุรกิจ

สำหรับความคืบหน้าของกองทุน Matching fund นั้น กองทุนที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ขณะนี้อยู่ในกระบวนการขออนุญาต แต่กองทุนที่ตลท.ร่วมทุนกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนช่วงก่อนหน้านี้ กองทุนที่ร่วมทุนกับบลจ. ไอเอ็นจี (ประเทศไทย)สามารถระดมทุนได้ครบและเข้าลงทุนไปแล้ว ยังเหลืออีก 4 กองทุนที่อยู่ระหว่างการระดมทุน

"เรื่องนี้คงต้องใช้เวลามากขึ้นและอาจจะล่าช้าเพราะปัจจุบันต้องยอมรับว่าภาวะตลาดกดดันให้การขายกองทุนทำได้ยากขึ้น และการเข้ามาลงทุนของกองทุนฯ คงไม่ได้คงช่วยแก้ไขสถานการณ์ได้ทั้งหมด"นางภัทรียา กล่าว

อย่างไรก็ตาม นางภัทรียา กล่าวต่อว่า ในวันที่ 30 ต.ค.นี้ ตลท.จะมีการหารือกับกระทรวงการคลังในการประชุมนัดพิเศษจากผลกระทบที่เกิดขึ้นและการปรับลงแรงของภาวะตลาดหุ้น ที่ทางรมว.คลังเป็นผู้เรียกหารือเป็นพิเศษ

นางภัทรียา กล่าวยืนยันว่าระบบการชำระราคาของตลาดไม่มีข้อติดขัดและสมาชิกก็ดูแลมาร์จินของลูกค้าได้ดี โดยตัวเลขมาร์จินทั้งระบบถือว่าเป็นตัวเลขที่ไม่สูง เพียง 20,000 กว่าล้านบาท และกระจาย 30 โบรกเกอร์ และลูกค้ากว่า 4,000 ราย เพราะฉะนั้นยืนยันว่าระบบยังปกติ และติดตามดูแลการเคลื่อนไหวตลอดเวลา รวงมทั้งโบรกเกอร์ทุกรายก็ยังมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่ง

"เท่าที่ดู มาร์จินที่ให้กู้ไม่มาก ที่ลงทุนช่วงนี้นักลงทุนใช้เงินสดระยะยาวมากกว่ามาร์จิ้น" นางภัทรียา กล่าว

นางภัทรียา กล่าวต่อว่า หากพิจารณาถึงการขายหลักทรัพย์ของนักลงทุนต่างชาติก็เป็นไปตามปกติ ที่มีแรงขายในทุกตลาดเพื่อดูแลสภาพคล่อง ซึ่งขณะนี้ยังเหลือเม็ดเงินอยู่ 1 แสนล้านบาท จากที่ขายไปแล้ว 1.3 แสนล้านบาท แต่หากพิจารณาจากปัจจัยพื้นฐานแล้วเชื่อว่าหากสถานการณ์คลี่คลายแล้วประทเศไทยจะกลับมาฟื้นตัวเร็วกว่าเมื่อเทียบกับที่อื่น

ส่วนการยื่นหนังสือคัดค้านกรณีการนำบมจ.ไทยเบฟเวอเรจ เข้าจดทะเบียนนั้น ตลท.คงจะรอให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)พิจารณาไฟลิ่งก่อน โดยในส่วนของตลท.จะพิจารณาตามเกณฑ์ แต่เพิ่งได้รับหนังสืออย่างเป็นทางการดังนั้นคงต้องพิจารณาดูก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ