นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม กรรมการ บมจ.มั่นคงเคหะการ(MK) เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าซื้อที่ดินใหม่ เล็งย่านรามอินทรา พุทธมณฑล และอ่อนนุช คาดว่าจะได้สรุปทำเลที่เข้าซื้อได้ใน 1-2 เดือนข้างหน้าเพื่อรองรับโครงการใหม่ เบื้องต้นจะเปิด 3 โครงการที่เตรียมพัฒนาเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์ที่ระดับราคา 3-4 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มีความต้องการสูง จากที่บริษัทไม่เคยทำเพราะที่ผ่านมาพัฒนาโครงการบ้านเดียวและบ้านแฝดเท่านั้น ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 15 โครงการ
"การที่จะเปิดโครงการใหม่ตอนนี้ต้องดูให้ดีและรอบคอบมากขึ้น ราคาทีดินแพงได้แต่ต้องมีทำเลที่ดีและมีดีมานด์ด้วย ที่ผ่านมาเราไม่เคยมีการซื้อที่ดินตุนเอาไว้จะพัฒนาเมื่อไรก็ค่อยดูและซื้อซึ่งก็ถือเป็นข้อดีในช่วงนี้ แต่ยังไงก็ต้องเปิดใหม่เพื่อไปทดแทนโครงการที่จะปิด ส่วนการเติบโตไม่ต้องมากก็ได้"นายชูเกียรติ กล่าว
ส่วนผลการดำเนินงานในปีนี้ยังคงเชื่อว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จะมีรายได้ 2.5 พันล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้อยู่ที่ 2.03 พันล้านบาท เนื่องจากส่วนหนึ่งได้รับประโยชน์จากมาตรการภาษีกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์
9 เดือนที่ผ่านมานี้มียอดขายแล้ว 2 พันล้านบาทและในไตรมาส 4 /51 ก็เป็นช่วงซีซันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วย และน่าจะโดดเด่นกว่าไตรมาส 3/51 เนื่องจากมีจำนวนโครงการที่จะส่งมอบให้ลูกค้าเป็นจำนวนมาก ได้แก่ โครงการชวนชื่น วัชรพล ,โครงการชวนชื่น โมดัส แจ้งวัฒนะ,โครงการชวนชื่น เพชรเกษม 81, โครงการชวนชื่น ประชาอุทิศ ,โครงการชวนชื่น กรีน ปาร์ค เป็นต้น
ปัจจุบัน บริษัท มี Backlog จำนวน 1 พันกว่าล้านบาทซึ่งทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้และปีหน้า
นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า วิกฤติการเงินสหรัฐที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทมาก ถึงแม้ที่ผ่านมาจะมีการชะลอการตัดสินใจในการซื้อไปบ้าง แต่ภาพรวมส่วนใหญ่โครงการที่บริษัทพัฒนาอยู่ในทำเลที่ดี
"ยอมรับว่าปีนี้เป็นปีที่ยากลำบากในการดำเนินธุรกิจและอาจจะลากยาวไปถึงปีหน้าจากผลกระทบวิกฤติทางการเงินสหรัฐและลามไปยังยุโรป รวมทั้งสถานการณ์ทางการเมือง ซึ่งส่งผลกระทบไปถึงผู้ประกอบการหลายรายในการดำเนินธุรกิจซึ่งการประคองตัวหรือการเติบโตได้ก็ถือว่าดี โดยในส่วนของบริษัทก็มีความระมัดระวังมากขึ้นโดยเฉพาะการซื้อที่ดินและการเปิดโครงการใหม่ในปี 52ที่จะต้องมีทำเลทีดีและสามารถขายได้
นอกจากนี้ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาถึงการออกกองทุนอสังหาริมทรัพย์เหมือนกันแต่ก็ต้องดูโอกาสและสินทรัพย์ที่เข้ามาในกองทุนด้วย ซึ่งปัจจุบันบริษัทยังไม่มีอสังหาริมทรัพย์แบบให้เช่า มีแต่ขายเท่านั้น แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทไม่ได้เร่งรีบเพราะยังมีกระแสเงินสดจำนวนมากที่จะนำมาพัฒนาโครงการได้