หนังสือพิมพ์เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่ง รายงานในวันนี้ว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ของจีนและฮ่องกง กำลังทบทวนกฏข้อบังคับในการทำช็อตเซล โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดกั้นการร่วงลงของตลาดหุ้น
เซาท์ ไชน่า มอร์นิ่งระบุว่า ก.ล.ต.จีนวางแผนที่จะเลื่อนการอนุญาตให้มีการทำช็อตเซลและการทำ margin lending เพราะเกรงว่าธุรกรรมทั้งสองประเภทจะยิ่งส่งผลให้ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นจีนผันผวนหนักขึ้น ขณะที่ก.ล.ต.ฮ่องกงได้เดินทางไปยังบริษัทโบรกเกอร์หลายแห่งเพื่อขอตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับการทำช็อตเซล ซึ่งความเคลื่อนไหวครั้งนี้ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าก.ล.ต.จีนและฮ่องกงอาจมีคำสั่งห้ามทำช็อตเซลเพื่อปกป้องตลาดหุ้นไม่ให้ตกอยู่ในความเสี่ยง
ดัชนี CSI 300 ของจีนร่วงลง 68% ในปีนี้ ซึ่งเป็นสถิติที่ดิ่งลงหนักสุดในบรรดาดัชนีตลาดหุ้นในตลาดเอเชีย เนื่องจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกที่ถดถอยลงจะทำให้ความต้องการสินค้าจากจีนลดลงด้วย ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดฮ่องกงดิ่งลง 55% และดัชนี MSCI Asia-Pacific Index ร่วงลง 48%
อย่างไรก็ตาม โจนาธาน ลี โฆษกก.ล.ต.ฮ่องกง ไม่ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับข่าวดังกล่าว และก.ล.ต.จีนก็ไม่ได้แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้เช่นกัน
ไมเคิล ฟู นักวิเคราะห์จาก Clariden Leu AG กล่าวว่า "ก.ล.ต.กังวลว่ากลุ่มช็อตเซลอาจเข้ามาครอบงำและกำหนดทิศทางตลาดในยามที่นักลงทุนส่วนใหญ่ลังเลที่จะเข้าเทรดในตลาดหุ้น ซึ่งเราเชื่อว่าในระยะสั้นนั้นคำสั่งห้ามทำช็อตเซลอาจช่วยให้ระบบการซื้อขายในตลาดกลับมาทำงานได้อย่างปกติได้ แต่ในระยะยาวนั้น เชื่อว่าก.ล.ต.จะเปิดทางให้มีการทำช็อตเซลเพื่อกระตุ้นการซื้อขายให้คึกคักขึ้น" สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน