นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายงานการขายและการตลาด บมจ. กระเบื้องหลังคาตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทร่วมเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท(PS)ในการก่อสร้างโครงการพฤกษาวิลล์ พื้นที่ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ มูลค่าโครงการ 8,700 ล้านบาท โดยบริษัทฯ เป็นตัวแทนจัดส่งสินค้ากระเบื้องคอนกรีต CT เพชร คิดเป็นมูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 18 ล้านบาท
“สาเหตุที่บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจจากพฤกษาฯ คาดว่า น่าจะมาจากตราสินค้า เนื่องจากแบรนด์ รวมทั้งผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ เป็นที่ยอมรับทั้งในและต่างประเทศ และการที่บริษัทฯ ได้มีส่วนในการผลักดันสินค้าสำหรับโครงการดังกล่าวนี้ นับเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ที่ดีต่อผลิตภัณฑ์ และยังเป็นการยืนยันกับผู้บริโภคว่า สินค้าของบริษัทฯ มีมาตรฐานและคุณภาพที่ดี" นายสาธิต กล่าว
นอกจากโครงการบ้านพฤกษาฯ แล้ว บริษัทฯ ยังได้รับเลือกในการใช้ผลิตภัณฑ์กระเบื้องคอนกรีต CT เพชร ในโครงการต่างๆ เช่น โครงการบ้านเดี่ยว Habitia ในเครือ บมจ.แสนสิริ (SIRI) มูลค่าโครงการ 900 ล้านบาท คิดเป็นมูลค่าสินค้าตราเพชรทั้งสิ้น 15 ล้านบาท โครงการบ้านศุภาลัย (SPALI) คิดเป็นมูลค่า 15 ล้านบาท รวมถึงโครงการปาล์มสปริงวิลล์ สายสนามบิน ที่หาดใหญ่ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 12 ล้านบาท
ดังนั้น คาดว่ายอดขายกระเบื้องคอนกรีต CT เพชรโดยรวมสำหรับตลาดโครงการอยู่ที่ประมาณ 60 ล้านบาท เป็นไปตามแผนที่จะผลักดันสินค้าเข้าสู่กลุ่มงานโครงการต่างๆ ที่ตั้งไว้ที่ 8% ต่อสัดส่วนรายได้เป้าหมายในปี 51
สำหรับกลุ่มสินค้ากระเบื้องคอนกรีต CT เพชร ผลิตจากปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์ ทรายหยาบ สีฝุ่นและน้ำ โดดเด่นด้วยรูปลอน Grand Onda โค้งเว้าได้รูป ระบายน้ำได้เร็ว แกร่ง ทน ด้วยมาตรฐานการผลิตอันทันสมัย ช่วยให้หลังคาสวยได้หลากสไตล์ ด้วยเฉดสี ถึง 4 กลุ่ม ได้แก่สีมาตรฐาน, สีพิเศษ,สีพรีเมี่ยม และสีเมทัลลิค สำหรับผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้ ประกอบด้วย กระเบื้องคอนกรีตแบบลอนโค้ง (Gran Onda) และกระเบื้องคอนกรีตแบบเรียบ (ADAMAS)
ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ราคาวัสดุก่อสร้างเริ่มนิ่ง ผันผวนลดลงจากช่วงครึ่งปีแรกมาก เนื่องจากราคาน้ำมันเริ่มปรับตัวลดลง ส่งผลให้ตลาดรับสร้างบ้านและผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์เริ่มที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
ขณะนี้มีหลายโครงการที่อยู่ช่วงกำลังตัดสินใจลงทุนต่อ ซึ่งหากมีการก่อสร้างต่อไป ก็เชื่อว่าตลาดวัสดุก่อสร้างจะปรับตัวดีขึ้นตามไปด้วย และจะมีการแข่งขันสูงในช่วงปลายปีนี้อีกครั้ง จึงนับเป็นจังหวะที่ดีที่ DRT จะเข้าไปทำตลาด เพราะบริษัทฯ ก็มีผลิตภัณฑ์รองรับตลาดนี้อยู่แล้ว และจะเสริมทีมการตลาด และทีมดีไซเนอร์ เพื่อขายผลิตภัณฑ์ให้กับโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์โดยตรงอีกด้วย