นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTS) เปิดเผยว่า ในวันนี้ศาลล้มละลายกลางมีคำสั่งให้ BTS ออกจากแผนฟื้นฟูกิจการแล้ว โดยบริษัทได้พันธมิตรใหม่ ซึ่งเป็นกองทุนต่างชาติ 2 แห่งเข้ามาร่วมทุนในสัดส่วน 38.5% อย่างไรก็ตาม บริษัทยังยืนยันแผนที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้กำหนดระยะเวลาที่แน่นอน เนื่องจากต้องการรอให้ภาวะตลาดเอื้ออำนวยต่อการขายหุ้น IPO ก่อน
นายคีรี กล่าวว่า ตามแผนฟื้นฟูฯ จะมีการปรับโครงสร้างหนี้จำนวน 67,751 ล้านบาท เป็นเงินต้น 48,238 ล้านบาท และดอกเบี้ย 19,513 ล้านบาท โดย BTS จะต้องนำเงินสดชำระหนี้ให้กับเจ้าหนี้ จำนวน 23,280 ล้านบาท และแปลงหนี้เป็นทุน จำนวน 16,340 ล้านบาท และได้ทำการเพิ่มทุนจดทะเบียน เพื่อจัดสรรให้เจ้าหนี้และผู้ถือหุ้นรายใหม่
หลังจาก ออกจากแผนฟื้นฟูฯ โครงสร้างผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ประกอบ นายคีรี กาญจพาสน์ ถือหุ้นผ่านบริษัท สยามเรียลล์ ทรานสปอร์ต แอนด์ อินฟราสตรัคเจอร์ (51%) ถือหุ้น 53.65% กองทุนต่างชาติ 2 แห่ง คือ Asmore Investment Management Ltd. และ Noonday Asset Management รวมกัน 38.50% นอกจากนี้ ยังมีกลุ่ม ดร.Cheng เป็นประธานกลุ่ม บ.นิวเวิร์ล ในฮ่องกง ถือหุ้น 2.67% จากที่เคยถือเดิม เกือบ 20% รวมทั้งหมด ถือหุ้น 94.82% ส่วนที่เหลือ บมจ.ธนายง 1% และเจ้าหนี้จากการแปลงหนี้เป็นทุน
นายคีรี กล่าวอีกว่า ตนเอง และ กองทุนต่างชาติ 2 แห่งได้ให้เงินทุนใหม่แก่ BTS จำนวน 12,000 ล้านบาท เพื่อนำไปชำระหนี้ที่ต้องใช้เงินสด และยังเหลือหนี้เป็นเงินสดอีก 10,000 ล้านบาท ซึ่ง BTS จะทยอยชำระคืนหนี้ภายใน 8 ปี โดยปัจจุบัน บริษัทมีเงินสดประมาณ 7,600 พันล้านบาท
กองทุน 2 รายที่เข้าร่วมลงทุนใน BTS เนื่องจากเห็นด้วยกับวิสัยทัศน์ผู้บริหาร ที่มีแผนที่จะลงทุนในส่วนต่อขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียว และลงทุนในต่างประเทศ และกองทุนทั้ง 2 แห่งนี้ ยังมีความเข้าใจในธุรกิจสาธารณูปโภคในเอเซียเป็นอย่างดี โดยมีเงื่อนไขเข้ามาถือหุ้นระยะยาว อย่างต่ำ 5 ปี หลังจากนั้นจะทยอยขายหุ้นออก เหลือการถือหุ้น 20%
"เป็นครั้งแรก ที่ผมเข้ามาลงทุนเองใน BTS ซึ่งผมจัดตั้ง บริษัท สยามเรียลล์ ฯ เมื่อไม่กี่เดือน ... 2 กองทุนเป็นผู้ลงทุนในบริษัท ที่สนับสนุนแผนงานของผู้บริหารในการพัฒนาบริษัทในอนาคต และมีความตั้งใจที่จะเข้าดำเนินการโครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า...วันนี้ถือเป็นวันสำคัญ ที่เราได้ออกจากแผนแล้ว ทางเราตั้งใจที่จะกลับมาให้บริการได้อย่างสมบูรณ์" นายคีรี กล่าว
หลังออกจากแผนฟื้นฟูฯ BTS มีทุนจดทะเบียน 15,893 ล้านบาท ราคาพาร์ 1 บาท/หุ้น และ BTS พร้อมที่จะเข้าตลาดหุ้น โดยคาดว่าจะสามารถยื่นไฟลลิ่ง ภายในปี 51 ส่วนการนำเสนอขายหุ้นขึ้นอยู่กับภาวะตลาด หากสถานการณ์ไม่แย่เกินไป คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดฯใน Q2/52 โดยจะขาย IPO 20% ของทุนจดทะเบียน โดย 15% เป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่
นายคีรี คาดว่า รอบปีบัญชี 51(สิ้นสุด มี.ค.52) BTS จะมีกำไร 22,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นกำไรจากการปรับโครงสร้างหนี้ 20,000 ล้านบาท มี EBIDA ไม่ต่ำกว่า 2,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังมีแผนจะลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เบื้องต้นเป็นการจัดตั้งบริษัทย่อย ที่ใช้เงินทุนไม่ต่ำกว่า 5,000 ล้านบาท ด้วยการร่วมทุนกับพันธมิตรรายอื่น ซึ่ง BTS จะถือหุ้นไม่เกิน 50%
สำหรับเหตุผลของการลงทุนดังกล่าว เพื่อเพิ่มรายได้ และจำนวนผู้โดยสารในการใช้บริการ โดย BTS จะไม่ดำเนินธุรกิจนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ขนาดใหญ่ แต่เน้นธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้า BTS
"ถ้าเราจะทำ Property ต้องแตกต่างจากที่มีอยู่ในตลาด แต่ไม่มั่นใจว่า จะสามารถเริ่มโครงการในปีหน้าได้หรือไม่ เพราะสถานการณ์ยังไม่แน่นอน...เราจะเจรจากับรัฐบาล และกทม. ว่าเราจะทำสายสีเขียวของเราเอง ซึ่งกทม.ทำอยู่แล้ว และรัฐก็มีแผนทำสีเขียว ซึ่งเราพร้อมร่วมมือ" นายคีรี กล่าว
นายคีรี กล่าวว่า BTS ยังมีแผนจะไปลงทุนเกี่ยวข้องกับรถไฟฟ้าในตปท.อีก โดยได้ดำเนินการเจรจา กับรัฐบาล 3 ประเทศในแถบเอเซียมานานกว่า 1 ปี แล้ว และค่อนข้างมั่นใจว่าจะเข้าไปลงทุนใน 2 ประเทศได้ในปีหน้า และเตรียมหารือกับรัฐบาลไทย เพื่อมีส่วนร่วมการลงทุนในการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งเขียวอ่อนเขียวเข้ม เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระการลงทุนของรัฐบาลได้
อย่างไรก็ตาม นายคีรี ไม่ได้ปฏิเสธ หรือตอบรับว่า การดำเนินธุรกิจใหม่นี้ จะเป็นการร่วมทุนกับ บ.ธนายง หรือไม่
สำหรับแผนงานการจัดทำระบบตั๋วร่วมกับ บมจ.รถไฟฟ้ากรุงเทพ (BMCL) ที่คาดว่า จะใช้งานได้ในปลายปี 52 โดยทั้งสองบริษัทจะร่วมลงทุนในระบบตั๋วร่วม วงเงิน 300 ล้านบาท