ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) แม้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.50% ก็ตาม โดยภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างผันผวนเนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องผลประกอบการของบริษัทเอกชน โดยเฉพาะเมื่อบริษัทเจนเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) ปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดลบ 74.16 จุด หรือ 0.82% แตะระดับ 8,990.96 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 10.42 จุด หรือ 1.11% แตะระดับ 930.09 จุด แต่ดัชนี Nasdaq ปิดบวก 7.74 จุด หรือ 0.47% แตะที่ 1,657.21 จุด
ปริมาณซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.62 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.79 พันล้านหุ้น
เดฟ โรเวลลี นักวิเคราะห์จากบริษัท Canaccord Adams กล่าวว่า "นักลงทุนเมินการตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยของเฟด ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ค่อยบ่อยนัก โดยนักลงทุนเทขายหุ้นในช่วงก่อนที่ตลาดจะปิดทำการได้ไม่นาน ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะความกังวลเรื่องแนวโน้มผลประกอบการภาคเอกชน หลังจากบริษัทจีอีปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการปีพ.ศ.2552 อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าการที่เฟดตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยทั้งประเภทระยะสั้นและมาตรฐาน ได้ช่วยสกัดการร่วงลงของตลาดเอาไว้ได้ส่วนหนึ่ง"
โธมัส เจ ลี นักวิเคราะห์จากเจพีมอร์แกนกล่าวว่า "ตลาดได้ซึมซับกระแสคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ซึ่งแม้เฟดลดดอกเบี้ยตามกระแสคาดการณ์ ก็ไม่อาจช่วยลดความตึงเครียดในตลาดได้ เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวแนวโน้มเศรษฐกิจระดับมหภาค"
ทั้งนี้ เฟดมีมติลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) 0.50% สู่ระดับ 1.00% และลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) 0.50% สู่ระดับ 1.25% โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอยและป้องกันไม่ให้วิกฤติสินเชื่อลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจในวงกว้างกว่านี้ พร้อมกับส่งสัญญาณว่าอาจมีการลดดอกเบี้ยลงอีกหากจำเป็น
เฟดได้ออกแถลงการณ์ภายหลังการประชุมว่า "เมื่อประเมินสภาวะเศรษฐกิจในปัจจุบันและแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคตแล้ว คณะกรรมการกำหนดนโยบายของเฟด (เอฟโอเอ็มซี) จึงมีมติให้ลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นและอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลง 0.50% เพื่อยับยั้งเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอยและเพื่อสกัดกั้นวิกฤตการณ์ด้านการเงินไม่ให้ลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายในภาคส่วนอื่นๆมากไปกว่านี้ นอกจากนี้ เฟดเชื่อว่าการที่เฟดร่วมมือกับธนาคารกลางของประเทศอื่นๆ ลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการลดอัตราดอกเบี้ยครั้งล่าสุดนี้ จะช่วยเสริมสร้างระบบการเงินให้แข็งแกร่งขึ้น และเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัวต่อไปได้"
หุ้นจีอีร่วงลง 1.5% หลังมีรายงานว่านายเจฟฟรีย์ อิมเมล์ท ซีอีโอของจีอีมีเป้าหมายที่จะคงระดับผลกำไรปีพ.ศ.2552 ไว้ที่ระดับเดียวกับในปีนี้ หลังจากรายได้ลดลง 10-15 % ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้น หลังราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX พุ่งขึ้น 4.77 ดอลลาร์ แตะที่ 67.50 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยดัชนี S&P หุ้นกลุ่มพลังงานปรับฐานขึ้น 2.26%
ส่วนหุ้นโบอิ้งปิดบวก 1.8% หลังมีรายงานว่ายอดสั่งซื้อเครื่องบินของโบอิ้งช่วยหนุนยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนพุ่งขึ้นเกินคาดในเดือนก.ย. และหุ้นแอปเปิล อิงค์ดีดขึ้น 4.6% หลังจากมีข่าวว่าแอปเปิลเตรียมหุ้นคืนจำนวนมาก ซึ่งข่าวดังกล่าวช่วยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดบวก