ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (29 ต.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางทั่วโลกจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหลังจากตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการแล้ว ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติลดอัตราดอกเบี้ย และเมื่อเย็นวานนี้ธนาคารกลางจีนตัดสินใจลดดอกเบี้ยเช่นกัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 316.16 จุด แตะระดับ 4,242.54 จุด
ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและดอกเบี้ยเงินกู้ลงอย่างละ 0.27% ในการประชุมเย็นวานนี้ ซึ่งเป็นการปรับลดดอกเบี้ยครั้งที่สามในรอบสองเดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ขยายตัว โดยธนาคารกลางจีนประกาศผ่านทางเว็บไซต์ว่า ดอกเบี้ยเงินฝากระยะเวลา 1 ปี จะลดลงเหลือ 3.60% จากเดิมที่ 3.87% และดอกเบี้ยเงินกู้จะลดลงแตะ 6.66% จาก 6.93% มีผลตั้งแต่วันพฤหัสบดีนี้เป็นต้นไป
หลังจากตลาดหุ้นลอนดอนปิดทำการ เฟดมีมติลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (fed funds rate) 0.50% สู่ระดับ 1.00% และลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐาน (discount rate) 0.50% สู่ระดับ 1.25% โดยมีเป้าหมายสกัดกั้นเศรษฐกิจไม่ให้เข้าสู่ภาวะถดถอยและเพื่อสกัดกั้นวิกฤตการณ์ด้านการเงินไม่ให้ลุกลามเข้าไปสร้างความเสียหายในภาคส่วนอื่นๆมากไปกว่านี้
หุ้นธนาคาร HBOS ทะยานขึ้น 285 หุ้นธนาคารสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ดีดขึ้น 30% และหุ้นรอยัล แบงค์ ออฟ สก็อตแลนด์ ดีดขึ้น 13%
ส่วนหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก โดยหุ้นเชลล์พุ่งขึ้น 12% หุ้นบีพีพุ่งขึ้น 9.6% ส่วนอีกปัจจัยที่หนุนราคาหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นมาจากการที่ บีพี ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับ 2 ของยุโรป เปิดเผยว่ากำไรไตรมาส 3 พุ่งขึ้น 83% เนื่องจากราคาน้ำมันดิบและแก๊สธรรมชาติที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งช่วยลดผลกระทบที่บริษัทต้องลดการผลิตในอาเซอร์ไบจันและอ่าวเม็กซิโก