DELTA ลบ 1.85% โบรกฯมองศก.โลกกระทบกำไรปี 52-ลูกค้าอินเดียเจอน้ำท่วม

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 30, 2008 10:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ราคาหุ้น DELTA อยู่ที่ 10.60 บาท ลดลง 0.20 บาท (-1.85%) เมื่อเวลา 10.09 น.หลังโบรกฯ ปรับมุมมองจากปัจจัยลบสำคัญการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะกระทบกับธุรกิจอย่างมากในปี 52 ขณะที่ลูกค้าหลักในอินเดียเจอปัญหาน้ำท่วมต้องเลื่อนรับมอบออกไปจากปีนี้

บทวิเคราะห์ บล.กรุงศรีอยุธยา(AYS) มีมุมมองเชิงลบมากขึ้นต่อทิศทางผลประกอบการช่วงครึ่งปีหลังต่อเนื่องไปถึงปี 52 ของบมจ. เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) หรือ DELTA เนื่องจากคาดการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่จะเห็นผลได้ชัดในปีหน้า จะส่งผลกระทบต่อยอดขายโดยเฉพาะในส่วนของบริษัทย่อย DES ที่มีฐานลูกค้าหลักในอินเดียและยุโรปตะวันออก (ครึ่งปีแรกมีสัดส่วน 58% ของยอดขายรวม) และคาดว่าจะมีแรงกดดันให้บริษัทต้องปรับลดราคาลงมาเพื่อรักษาส่วนแบ่งการตลาด

นอกจากนี้ ลูกค้าโครงการในอินเดียประสบปัญหาภาวะน้ำท่วม ทำให้ต้องเลื่อนการส่งมอบและติดตั้งโครงการออกไป(ผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูง)คาดว่าอาจต้องชะลอไปจนถึงต้นปี 52 และค่าเงินรูปีที่อ่อนค่าลง(เนื่องจากต้นทุนส่วนใหญ่เป็นสกุลดอลลาร์สหรัฐและขายในสกุลเงินท้องถิ่น)รวมถึงต้องเร่งการขายผลิตภัณฑ์มูลค่าเพิ่มต่ำเพื่อเร่งรักษาส่วนแบ่งการตลาดรองรับกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า

บริษัท จึงตัดสินใจปรับลดประมาณการกำไรปี 51 และ 52 ลงจากเดิม 13% และ 20% ด้วยการปรับลดสมมติฐานยอดขายและอัตรากำไรขั้นต้นง สะท้อนความวิตกและมุมมองเชิงอนุรักษ์ของเราต่อผลกระทบที่เกิดจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก คาดว่าผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงต่ออุตสาหกรรมอุปกรณ์ Power Supply ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทจะประเมินได้ชัดเจนขึ้นในช่วงสิ้น 1Q52 จึงมี Upside Risk ต่อโอกาสปรับประมาณการขึ้นในระยะต่อไป หากผลกระทบที่เกิดขึ้นจริงน้อยกว่าที่เราคาดไว้

อย่างไรก็ตาม ในระยะยาวยังมีมุมมองเชิงบวกต่อโอกาสเติบโตของผลประกอบการของบริษัทที่ผลักดันโดยบริษัทย่อย DES จากการขยายฐานตลาดในยุโรปและตลาดเกิดใหม่อย่างต่อเนื่อง ด้วยผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นกว่าผลิตภัณฑ์เดิมๆของบริษัท รวมถึงโอกาสในการควบรวมกิจการที่จะมีความชัดเจนในปี 52

ด้านบล. ยูไนเต็ดยังคงแนะนำซื้อหุ้น DELTA เมื่ออ่อนตัว เนื่องจากราคาหุ้นในปัจจุบันถือว่าค่อนข้างถูกแล้ว โดยซื้อขาย ณ ระดับ PER ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยธุรกิจในภูมิภาคเอเชียและโลกที่เราศึกษาค่อนข้างมากเพียง 4x แถมอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลของบริษัทก็สูงกว่า 13%ต่อปี

พร้อมคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปกติ 3Q51 จะฟื้นตัวโดดเด่นจาก 2Q51 ตามยอดขายจากกลุ่มสินค้า DES ที่ยังขยายตัวสูงต่อเนื่อง 5%QoQ และ 29%YoY เป็น 160 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ในขณะที่ยอดขายของสินค้ากลุ่มอื่นๆที่ยังทรงตัวใกล้เคียงกับ 2Q51 ได้ จึงส่งผลให้บริษัทประเมินแนวโน้มรายได้รวม 3Q51 เป็นทำยอดขายสูงสุดในรอบปีที่ราว 271 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อีกทั้ง ผลพ่วงจากค่าเฉลี่ยเงินบาทช่วง 3Q51 ที่กลับมาอ่อนค่าอีกครั้งราว 5.2%QoQ ที่ 33.8 บาทต่อดอลลาร์ และการทยอยออกสินค้ารุ่นใหม่ที่เพิ่มมากขึ้นตามฤดูกาล จึงผลักดันอัตรากำไรขั้นต้นจะเริ่มฟื้นตัวขึ้นจากระดับ 23.3% ใน 2Q51 เป็น 24.8% ใน 3Q51 ส่วนต้นทุนค่าใช้จ่ายดำเนินงาน (SG&A to Sales) ที่คาดไม่เปลี่ยนแปลงจาก 2Q51 มากนัก ดังนั้น เราจึงประมาณการกำไรปกติอยู่ที่ 869 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 13.6%YoY

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากใน 3Q51 บริษัทจะมีบันทึกรายจ่ายพิเศษจากอัตราแลกเปลี่ยนและอื่นๆอีกราว 100 ล้านบาท จึงส่งผลกดดันตัวเลขคาดการณ์กำไรสุทธิ 3Q51 หดตัวเล็กน้อย 4.2%YoY เหลือ 769 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ