ตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียดิ่งลงถ้วนหน้าในช่วงเช้านี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐหดตัวลงรุนแรงในไตรมาส 3 นอกจากนี้ ตลาดหุ้นเอเชียยังได้รับแรงกดดันจากบริษัทเอกชนที่แห่ลดคาดการณ์ผลประกอบการ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวปิดตลาดเช้าร่วงลง 245.64 จุด หรือ 2.72% แตะระดับ 8,784.12 จุด ซึ่งเป็นการร่วงลงต่ำกว่าระดับ 9,000 จุดครั้งแรกในรอบกว่า 1 สัปดาห์ ขณะที่ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดตลาดร่วงลง 292.48 จุด หรือ 2.04% แตะที่ 14,037.37 จุด และดัชนีคอมโพสิตตลาดหุ้นเกาหลีใต้ร่วงลง 1.96% แตะที่ 1,061.59 จุด ส่วนดัชนี MSCI Asia Pacific Index ร่วงลง 2% แตะระดับ 86.48 จุดในช่วงเช้านี้
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ไตรมาส 3 หดตัวลง 0.3% ซึ่งเป็นการติดลบรุนแรงที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายและภาคธุรกิจลดการลงทุน ซึ่งเป็นหลักฐานชิ้นใหม่ที่บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ระยะถดถอยแล้ว
ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 2 ใน 3 ของกิจกรรมเศรษฐกิจโดยรวมของสหรัฐ ร่วงลง 3.1% ซึ่งเป็นการปรับตัวลงมากที่สุดนับตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ของปีพ.ศ.2523 และนับเป็นครั้งแรกที่ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคปรับตัวลดลง
หุ้นมาสด้า มอเตอร์ ร่วงลง 13% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรในรอบปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.2552 ลง 29% เนื่องจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัวลงและเงินเยนที่แข็งค่าขึ้นได้ฉุดผลประกอบการของบริษัทลดลง โดยคาดว่ารายได้สุทธิของบริษัทในรอบปีซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 31 มี.ค.2552 จะอยู่ที่ 5 หมื่นล้านเยน (509 ล้านดอลลาร์) เมื่อเทียบกับที่ประเมินไว้ก่อนหน้านี้ที่ 7 หมื่นล้านเยน
ขณะที่หุ้นมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ดิ่งลง 11% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์รายได้ตลอดทั้งปีลง 54% เหลือเพียง 5 หมื่นล้านเยน หรือ 508 ล้านดอลลาร์ในปีงบประมาณที่สิ้นสุดในเดือนมี.ค. 2552 จากปีที่แล้วที่ระดับ 1.08 แสนล้านเยน