(เพิ่มเติม) SPALI เล็งเพิ่มเป้ารายได้ปี 51 จากหมื่นลบ.หลังเร่งโอนโครงการใหม่จากปี 52

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday October 31, 2008 14:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ศุภาลัย (SPALI)เตรียมปรับเพิ่มเป้ารายได้ปี 51 จากเดิม 9.99 พันล้านบาท เนื่องจากบริษัทได้เร่งโครงการที่เปิดตัวไปแล้วมาโอนเร็วขึ้นเป็นปีนี้จากกำหนดเดิมปี 52 ซึ่งในไตรมาส 4/51 บริษัทมียอดขายคอนโดมิเนียมรอโอนราว 1 พันล้านบาท และจะเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 1 พันล้านบาท จากนั้นในปีหน้าจะเปิดโครงการใหม่อีกไม่ต่ำกว่า 8 โครงการ มูลค่ากว่า 9 พันล้านบาท

สำหรับปัญหาความเข้มงวดในการปล่อยกู้ของธนาคารพาณิชย์นั้น ขณะนี้ยังไม่มีผลต่อบริษัทมากนัก โดยลูกค้าที่กู้เงินไม่ผ่านมีไม่ถึง 10% เนื่องจากบริษัทได้ประสานงานกับธนาคารที่ปล่อยกู้ให้ลูกค้าโครงการอย่างใกล้ชิด

นายอธิป พีชานนท์ กรรมการและรองกรรมการผู้จัดการ SPALI ยอมรับว่า ในเดือนต.ค.ได้รับผลกระทบจากปัญหาการเมืองและวิกฤตการเงินโลก ทำให้ลูกค้าชะลอการตัดสินใจ แต่ยอดขายทรงตัว 700-800 ล้านบาทต่อเดือนเมื่อเทียบกับผู้ประกอบการรายอื่นที่ยอดขายลดลง ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทกระตุ้นกำลังซื้อและเชื่อว่าในไตรมาส 4 ยอดขายจะเติบโตได้ดีกว่าไตรมาส 3 ได้อย่างแน่นอน เพราะเป็นช่วงที่จะสอดคล้องกับการเปิดโครงการในไตรมาส 4 จำนวน 3 โครงการ เป็นบ้านเดี่ยว 1 โครงการ ทาวน์เฮ้าส์ 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท และจะไม่หยุดรอสถานการณ์ แต่จะเดินหน้าโครงการต่อในปีหน้าซึ่งเป็นโครงการที่บริษัทมีที่ดินแล้วเป็นส่วนใหญ่ซึ่งก็จะทำให้ backlog ของบริษัทกลับมาอยู่ที่ 1.3-1.4 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็น backlog ที่จะมาชดเชยเพิ่มเข้ามาให้บาลานซ์กับ backlog ที่ทยอยโอนไปแล้ว

"ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่ดีเท่าไรย่อมเป็นเรื่องปกติที่ทำให้การตัดสินใจช้าลงไปแต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ประกอบการรายใดที่จะเข้าถึงลูกค้าและมีจุดขาย ซึ่งของบริษัทเองมีบางโครงการเหมือนกันที่ชะลอแต่ไม่ได้มากจนน่าตกใจและมีการกู้ไม้ผ่านก็ไม่ถึง 10% ขณะที่โดยรวมของอุตสาหกรรมกู้ไม่ผ่านเฉลี่ย 15-20% ของ SPALI อยู่ในเกณฑ์ปกติไม่น่ากังวลเพราะสามารถเอากลับมาขายใหม่ได้" นายอธิป กล่าว

สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นทั้งวิกฤตการเงินและเศรษฐกิจที่มีแนวโน้มจะชะลอตัวในปีหน้า นายอธิป กล่าวว่า อยากที่จะให้ภาครัฐขยายมาตรการภาษีออกไปเพื่อให้ผู้บริโภคและผู้ประกอบการ เพราะสามารถช่วยผู้ประกอบการได้มาก เพราะถ้าไม่มีอาจจะทำให้ธุรกิจอสังหาฯขยายตัวได้น้อย เพราะตั้งแต่ช่วงต้นปีก็มีผลกระทบจากต้นทุนที่สูงขึ้นทั้งราคาน้ำมัน และวัสดุก่อสร้าง

นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่ควรกังวลในเรื่องของการปล่อยสินเชื่อจนเกินไปหรือไม่กล้าปล่อยสินเชื่อบ้าน เพราะจะทำให้วงจรของเศรษฐกิจหยุดชะงักได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ