บมจ.เอสไอเอส ดิสทริบิวชั่น(ประเทศไทย)หรือ SIS คาดว่า วิกฤตการเงินโลกจะเริ่มเห็นผลกระทบชัดเจนในปีหน้า จากที่เริ่มเห็นสัญญาณบ้างแล้วในไตรมาส 4/51 เนื่องจากมีหลายฝ่ายมองว่าอุตสาหกรรมไอทีน่าจะชะลอตัวเหลือโตไม่ถึง 10% ก็จะส่งผลต่อผลประกอบการของบริษัทด้วย แต่ในปีนี้เชื่อว่ารายได้จะยังคงเป็นตามเป้าหมายเติบโต 10% หลังจากที่ทำจุดสูงสุดใหม่ในไตรมาส 3/51 แล้ว
นายสมชัย สิทธิชัยศรีชาติ กรรมการผู้จัดการ SIS เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทอยู่ระหว่างประเมินผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในปีหน้า ซึ่งเชื่อว่าในเชิงของกำลังซื้อน่าจะลดลง แต่สถานการณ์ยังมีความผันผวน "จากวิกฤตเศรษฐกิจผลกระทบจะไปเกิดปีหน้า ซึ่งยังไม่รู้ผลว่าจะรุนแรงแค่ไหน ผลกระทบก็จะมีโครงการใหญ่ของรัฐบาลที่จะอาจชะลอคำสั่งซื้อบ้าง"นายสมชัย กล่าว
*Q3/51 ผลประกอบการถึงจุดพีค เริ่มเห็นชะลอไน Q4/51 ทั้งปียังโตได้ 10%
นายสมชัย กล่าวว่า ในปีนี้รายได้ของบริษัทยังน่าจะเติบโตตามเป้าหมายที่ 10% ตามภาพรวมอุตสาหกรรมไอที โดยในช่วงไตรมาส 3/51 รายได้และกำไรอยู่ในช่วงไฮซีซั่น โดยคาดว่าจะทำจุดสูงสุดของปีนี้ ซึ่งสูงกว่าไตรมาส 2/51 ที่มียอดขาย 3,071 ล้านบาท กำไร 55 ล้านบาท
ในอดีตที่ผ่านมาผลประกอบการไตรมาส 3 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี และปกติแล้ว SIS กำไรครึ่งปีหลังจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยครึ่งแรกของปีนี้บริษัททำกำไรไปแล้ว 106.8 ล้านบาท ปีนี้ก็ไม่น่าจะมีอะไรแตกต่างในระยะสั้นคงยังไม่มีผลกระทบ
"ปีที่แล้วรายได้ 10,400 ล้านบาท ปีนี้ถ้าอุตสาหกรรมโตขึ้น 10% รายได้เราก็คงจะโตอีก 10% ซึ่งอุตฯยังเป็นไปตามปกติ ถึงแม้ผู้ใช้ส่วนหนึ่งระมัดระวังขึ้น แต่เชื่อว่ายังมีความต้องการอยู่"นายสมชัย กล่าว
อนึ่ง โบรกเกอร์ฯประเมินตัวเลขยอดขาย SIS ในปีนี้น่าจะอยู่ที่ 11,444 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10% จากปีก่อน
ส่วนในไตรมาส 4/51 อาจเริ่มเห็นยอดขายชะลอลงบ้าง แต่ที่ผ่านมาสินค้าหลายตัวยังเติบโตต่อเนื่องโดยเฉพาะ PDA Phone และ Notebook Computer โดย Notebook ทำสัดส่วนรายได้ 20-30% ของรายได้ทั้งหมด รองลงมาเป็น PC ที่เหลือเป็นไอทีหลายประเภท
ขณะที่สินค้าประเภท memory card ก็ทำยอดขายดีขึ้นเรื่อยๆ เป็นไปตามเทคโนโลยีโทรศัพท์ ซึ่งโทรศัพท์ที่มีราคาระดับล่างพัฒนาให้มีกล้อง และมีช่องใส่ memory card ได้มากขึ้น
*รอลุ้นค่าเงินปีหน้าคาดดอลลาร์อ่อนเป็นปัจจัยบวก แม้ตลาดรวมชะลอ
นายสมชัย กล่าวว่า แม้จะคาดการณ์ว่าตลาดรวมชะลอตัวจะส่งผลต่อยอดขายของบริษัท แต่ยังพอมีปัจจัยบวกอยู่บ้าง เนื่องจากต้นทุนสำคัญของบริษัทขึ้นกับอัตราแลกเปลี่ยน เพราะส่วนใหญ่เป็นการนำเข้าสินค้ามาจำหน่าย แม้ว่าจะมีการทำประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้แล้ว แต่หากผันผวนก็จะทำงานได้ยาก ซึ่งในปีหน้าคาดว่าดอลลาร์มีแนวโน้มที่จะอ่อนค่าลงหลังจากต่างชาติได้เทขายสินทรัพย์ในช่วงนี้จนหมดแล้ว ก็จะทำให้บริษัทนำเข้าสินค้าเข้ามาได้ในราคาถูกลงด้วย
ในด้านความต้องการสินค้าไอทีของตลาดปีหน้า ยังมองว่าเป็นสินค้าที่ผู้บริโภคและองค์กรต่าง ๆ มีความต้องการมาก เนื่องจากอัตราการใช้สินค้าไอทีของไทยยังต่ำอยู่ที่ประมาณ 20% เท่านั้น แต่จากสภาพเศรษฐกิจที่ชะลอตัวอาจทำให้กำลังซื้อลดลง การจะตัดสินใจซื้อสินค้ารุ่นใหม่ที่ราคาแพงขึ้นคงลดลง อาจหันไปซื้อสินค้าที่มีราคาต่ำลง และอาจยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์เดิมออกไป
"อย่างคอมพิวเตอร์ปกติใช้ประมาณ 3 ปี ซึ่งจริงๆ ครบ 3 ปีแล้วก็ยังใช้ต่อได้แต่เครื่องจะช้า เริ่มไม่ทันสมัย แต่พอสภาพเช่นนี้ก็พอจะคาดการณ์ได้ว่าคงจะใช้ยาวขึ้นอาจจะใช้ไป 4 ปี ก็จะทำให้การซื้อขายไม่ดีเหมือนเดิม"นายสมชัย กล่าว
*ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน เชื่อนักลงทุนถือรอปันผล
นายสมชัย กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายที่จะซื้อหุ้นคืน แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวลดลงมา แต่ก็ยังไม่ถือว่ามากเมื่อเทียบกับภาพรวมตลาดหลักทรัพย์ โดยลดลงมาประมาณ 10% และเชื่อว่าราคาหุ้นคงไม่ตกนาน เนื่องจากนักลงทุนยังคาดหวังว่าจะได้รับเงินปันผลที่บริษัทมีนโยบายจ่ายปันผลอย่างต่อเนื่อง
ในปีนี้หากมีกำไรบริษัทก็จะจ่ายปันผลตามปกติ ซึ่งช่วงนี้ยังพอมีเวลาอาจจะต้องดูเรื่องสภาพคล่องในตลาดประกอบด้วยว่าจะมีปัญหาหรือไม่ แต่ก็เชื่อว่าที่เรามีนโยบายที่จะปันผลทุกปีก็น่าจะทำตามนโยบายได้ โดยปี 50 บริษัทจ่ายปันผลในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น และจ่ายเงินปันผลพิเศษอีก 0.05 บาท/หุ้น
"หุ้นเราไม่ได้ตกนาน คนขายก็จะขายแพง คนซื้อก็จะซื้อถูก จึงไม่ค่อยมีสภาพคล่องและช่วงนี้น่าจะใกล้ปันผลแล่วจึงเก็บหุ้นไว้มากกว่า"
ราคาหุ้น SIS ปิดตลาดวันนี้ 4.58 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง