THAI วางแผนรับมือศก.โลกชะลอปี 52 ตั้งเป้ารายได้โต 10% มาที่ 2.3 แสนลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 3, 2008 09:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ร.ท.อภินันทน์ สุมนะเศรณี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินไทย(THAI) คาดปัญหาภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวส่งผลกระทบต่อธุรกิจการบินในปีหน้าอย่างรุนแรง ซึ่งบริษัทฯ ได้เตรียมแผนรองรับสถานการณ์ไว้แล้วด้วยการลดค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น และยกเลิกเส้นทางบินที่ให้ผลตอบแทนต่ำ โดยตั้งเป้ารายได้เติบโต 10% มาที่ 2.3 แสนล้านบาท กำไรประมาณหมื่นล้านบาท

อย่างไรก็ตาม หากสถานการณ์ในปีหน้าเปลี่ยนแปลงมากก็จะมีการทบทวนเป้าหมายต่อไป

"ปัญหาเศรษฐกิจและปัญหาการเมืองในประเทศเป็นสิ่งที่การบินไทยไม่สามารถควบคุมได้ โดยเฉพาะปัญหาเศรษฐกิจโลกชะลอตัวนั้นได้ส่งผลกระทบต่อทุกสายการบิน บางสายการบินต้องขายกิจการและปลดพนักงาน แต่ในส่วนของการบินไทยนั้นยืนยันว่าจะไม่รุนแรงถึงกับต้องขายกิจการหรือปลดพนักงานแน่นอน แต่ยอมรับว่าการดำเนินธุรกิจการบินปีหน้าค่อนข้างลำบาก" ร.ท.อภินันทน์ กล่าว

ร.ท.อภินันทน์ กล่าวว่า ในปีนี้ปริมาณผู้โดยสารจากประเทศจีน เกาหลี ญี่ปุ่น ลดลงจากปีก่อนค่อนข้างมาก และผู้โดยสารจากยุโรปที่ลดลงเล็กน้อย ส่งผลกระทบต่อผลประกอบการปีนี้จะไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้ว่าจะมีรายได้รวมประมาณ 2.1 แสนล้านบาท แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกเรื่องเงินบาทแข็งค่า ทำให้ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน และราคาน้ำมันที่ลดลงทำให้ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย และภายในเดือน พ.ย.นี้ บริษัทฯ จะมีการปรับลดค่าธรรมเนียมน้ำมันในบางเส้นทางอีกประมาณ 10%

สำหรับแผนงานที่บริษัทฯ เตรียมไว้เพื่อรองรับสถานการณ์ดังกล่าวจะเน้นเรื่องการลดค่าใช้จ่ายให้มากขึ้น และอาจต้องยกเลิกเส้นทางบินที่ให้ผลตอบแทนต่ำ เช่น เส้นทางกรุงเทพฯ-โจฮันเนสเบิร์ก เนื่องจากผู้โดยสารน้อย และมีช่วงไฮซีซั่นเพียง 2 เดือน คือ เดือน ธ.ค.-ม.ค.

"หากปริมาณผู้โดยสารยังไม่เพิ่มขึ้นการบินไทยก็คงต้องยกเลิกเที่ยวบินนี้หลังจากเดือนมกราคม 2552 โดยปัจจุบันการบินไทยทำการบินในเส้นทางดังกล่าวสัปดาห์ละ 3 เที่ยว" เรืออากาศโทอภินันทน์ กล่าว

นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนปรับขนาดเครื่องบินให้เหมาะสมกับปริมาณผู้โดยสาร และปรับลดความถี่ในเส้นทางบินภูมิภาค เช่น จีน ญี่ปุ่น เกาหลี ซึ่งพบว่าปริมาณผู้โดยสารลดลงจากปัญหาการเมืองในประเทศ และแม้ว่าที่ผ่านมาบริษัทฯ จะให้ผู้จัดการสถานีประจำประเทศเหล่านี้ไปทำความเข้าใจกับเอเย่นต์เกี่ยวกับปัญหาการเมืองในประเทศว่าไม่มีผลกระทบต่อสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ แต่ผู้โดยสารก็ยังไม่เพิ่มขึ้น

และบริษัทฯ จะทบทวนแผนการหมุนเวียนเครื่องบินให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยจะเร่งปลดระวางเครื่องบินที่มีอายุการใช้งาน 20 ปี เช่น เครื่องบินโบอิ้ง 747-400 และเครื่องบินแอร์บัส เอ 300-600 ให้เร็วขึ้นกว่าเดิมที่กำหนดให้ปลดระวางเครื่องบินเก่า 40 ลำภายใน 10 ปี เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย เนื่องจากเครื่องบินเก่าจะมีค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงสูง

ร.ท.อภินันทน์ กล่าวถึงเรื่องที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เปิดให้บริษัทจดทะเบียนซื้อคืนหุ้นในช่วงนี้ว่า บริษัทฯ มีความสนใจที่จะซื้อคืนหุ้นเช่นกัน และอยู่ระหว่างศึกษากฎระเบียบในการซื้อคืนหุ้นว่าจะสามารถซื้อได้เท่าไร โดย บริษัทฯ มีความพร้อมด้านการเงิน ซึ่งสภาพคล่องอยู่ในระดับที่ดี ไม่มีปัญหา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ