นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บมจ.เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป (MAJOR) เปิดเผยว่า ปีหน้ามีแผนใช้เงินลงทุน 1 พันล้านบาท ขยายโรงภาพยนตร์จำนวน 40 จอ และธุรกิจโบว์ลิ่ง โดยในส่วนของโรงภาพยนตร์สำหรับปีหน้าจะเป็น stand alone ซึ่งเงินลงทุนดังกล่าวเพิ่มขึ้นจากปี 51 ที่ใช้ 500-600 ล้านบาท เนื่องจากมีการเลื่อนการขยายสาขารัตนาธิเบศร์ขนาดพื้นที่ 65,000 ตร.ม.ไปเป็นปี 52
นายวิชา กล่าวถึงการลงทุนในอินเดียว่า จะการตั้งเลนโบว์ลิ่งไปที่เมืองมุมไบและบังกาลอร์เมืองละ 1 แห่ง ขนาดแห่งละ 20 เลน ใช้เงินลงทุนแห่งละประมาณ 50-60 ล้านบาท ส่วนเดือน ธ.ค.51 จะเปิดเลนโบว์ลิ่งที่นิวเดลี 24 เลน ใช้เงินลงทุนไปแล้ว 70-80 ล้านบาท จะคืนทุนภายใน 12-15 เดือน คาดว่าจะขยายครบ 100 เลนภายใน 2-3 ปีนี้
อนึ่ง การลงทุนในนิวเดลี MAJOR ลงทุนร่วมกับ PVR ซึ่งเป็นผู้ดำเนินธุรกิจโรงภาพยนตร์รายใหญ่ในอินเดีย โดย MAJOR ถือหุ้นเพิ่มทุน 50%
นายวิชา กล่าวว่า ทาง PVR เปิดกว้างให้ MAJOR เข้าไปถือหุ้นในบริษัทร่วมทุนเพิ่ม แต่บริษัทจะต้องใช้เวลาตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะที่อินเดียมีต้นทุนสูง โดยเฉพาะต้นทุนทางการเงิน
"เราจะไปที่ละ step ถ้าจะไปบุกโรงหนังต้องคิดเยอะ เพราะต้องคิดถึง Yield, อัตราแลกเปลี่ยน และ เงินเฟ้อของที่นั่น เราก็ไม่ได้รีบร้อน แต่เค้าก็เปิดให้เรา ไม่ได้จำกัดว่าเท่าไหร่"นายวิชา กล่าว
ส่วนการดำเนินธุรกิจในปี 52 ที่คาดการณ์กันว่าภาวะเศรษฐกิจโดยรวมจะชะลอตัว บริษัทจะทำธุรกิจอย่างไม่ประมาท โดยขณะนี้ในไทยมีต้นทุนทางการเงินที่ยังต่ำ ค่าก่อสร้างก็ไม่สูงเหมือนที่ผ่านมา ขณะที่บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อทุนที่ 0.2 เท่า อย่างไรก็ตาม โอกาสทางธุรกิจมีอยู่แล้ว เพียงแต่บริษัทต้องดำเนินงานอย่างระมัดระวัง