ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ย.) จากแรงซื้อที่ส่งเข้าหนุนหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์และกลุ่มค้าปลีก โดยนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นสินค้าโภคภัณฑ์อย่างหนาแน่นหลังจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะในตลาดโลกทะยานขึ้นแข็งแกร่ง
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 196.22 จุด แตะที่ 4,639.50 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,404.20-4,639.50 จุด
มาร์โค จากัสเตียน นักวิเคราะห์จาก GFT Global Markets กล่าวว่า "นักลงทุนเข้าซื้อหุ้นในตลาดลอนดอนอย่างคักคัก หลังจากธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกพร้อมใจกันลดอัตราดอกเบี้ย และยังมีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดดอกเบี้ยในการประชุมวันพฤหัสบดีนี้"
ธนาคารกลางออสเตรเลียประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น 0.75% สู่ระดับ 5.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าธนาคารกลางจะลดดอกเบี้ยลง 0.5% โดยมีเป้าหมายที่จะปกป้องเศรษฐกิจของประเทศให้สามารถรับมือกับวิกฤตการณ์การเงินทั่วโลกได้ ซึ่งเป็นการดำเนินการที่สอดคล้องกับธนาคารกลางทั่วโลก รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ธนาคารกลางญี่ปุ่น (บีโอเจ) และธนาคารกลางจีน
หุ้นกลุ่มพลังงานทะยานขึ้นเพราะได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่พุ่งสูงขึ้น โดยหุ้นบีพีดีดขึ้น 4.9% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์พุ่งขึ้น 5.0% หุ้นบีจี กรุ๊ปทะยานขึ้น 7.5% และหุ้นเคร์น เอ็นเนอร์จีพุ่งขึ้น 8.4% ทั้งนี้ บีจี กรุ๊ปรายงานว่า ผลกำไรไตรมาสสามพุ่งขึ้น 140 % ซึ่งสูงกว่าที่ นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ แต่ระบุว่าทางบริษัทอาจเลื่อนเวลาในการดำเนินโครงการ สำคัญในคาซัคสถาน เนื่องจากต้นทุนในการพัฒนาโครงการเพิ่มสูงขึ้น
ส่วนหุ้นกลุ่มเหมืองแร่พุ่งขึ้นตามราคาโลหะ โดยหุ้นบีเอชพี บิลลิตันดีดขึ้น 4.9% หุ้นริโอ ตินโต พุ่งขึ้น 5.1% หุ้นแองโกล อเมริกัน พุ่งขึ้น 15.2% หุ้นเอ็กซ์สตราตา พุ่งขึ้น 17.6 %