โบรกฯ แนะ"ซื้อ"CPALL หมดกังวลโลตัสจีน-ปรับเพิ่มกำไรปี 51 ปี 52 โตต่อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 5, 2008 09:20 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ส่วนใหญ่แนะ"ซื้อ"หุ้นบมจ.ซีพีออลล์(CPALL)หลังจากขายโลตัสในจีนได้ทำให้คลายความกังวลภาระขาดทุนต่อไป และดีลการขายนี้ก็จบได้เร็วกว่าที่คาดไว้ 2 เดือนส่งผลดีต่องบรวมของบริษัท ทำให้มีการปรับประมาณการกำไรปี 2551 เพิ่มขึ้น และปีหน้าก็ยังมีอัตราเติบโตต่อเนื่อง เพราะ 7-eleven ซึ่งบริษัทเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียวในไทย รวมทั้งเคาน์เตอร์เซอร์วิส มีจุดเด่นและมีศักยภาพเติบโตได้อีกไกล เมื่อเทียบกับในประเทศญี่ปุ่นและเกาหลี

ขณะที่ โบรกเกอร์บางรายเป็นห่วงอัตราการเติบโตปีหน้าของบริษัทอาจไม่ดี เพราะกำลังซื้อในต่างจังหวัดตกลงตามราคาสินค้าเกษตร และจากเงินเฟ้อที่ลดลงจากปีนี้

อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นวานนี้ปิดที่ 9.90 บาท บวก 0.50 บาท (+5.32%) จากที่ปรับตัวลงมาต่ำสุดที่ 7.00 บาท เมื่อ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ราคาในตลาดยังต่ำกว่าราคาเป้าหมาย

          โบรกเกอร์             คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          สถาบันวิจัยนครหลวงไทย  รออ่อนตัว           9.60
          บล.กิมเอ็ง             ซื้อ              13.00
          บล.ดีบีเอสฯ            ซื้อ              13.27
          บล.บัวหลวง            ซื้อ              14.50
          บล.ธนชาต             ซื้อ              15.00

CPALL และบริษัทย่อยคือ Lotus Distribution Investment Limited (LDI) ได้ขายธุรกิจค้าปลีกคือ โลตัสในประเทศจีนเสร็จสิ้นเมื่อ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาหลังจากเลื่อนมาตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยมีการขายสินทรัพย์ทั้งหมดใน Shanghai Lotus Supermarket Chain Store Co., Ltd. (SLS) ซึ่ง CPALL ลงทุนผ่าน Yangtze Supermarket Investment Co., Ltd. (YSI) ให้กับ Chia Tai Enterprises International Limited (CTEI) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือซีพี

ขณะที่ CTEI จะออกหุ้นกู้แปลงสภาพซึ่งสามารถแปลงเป็นหุ้น CTEI ได้ให้กับ CPALL และ LDI จำนวน 891.2 ล้านเหรียญฮ่องกง (ประมาณ 4 พันล้านบาท) และ CPALL จะเข้าจองซื้อหุ้นกู้แปลงสภาพที่ออกโดย CTEI จำนวน 156.4 ล้านเหรียญฮ่องกง(ประมาณ 700 ล้านบาท) โดยหุ้นกู้แปลงสภาพที่ CTEI ออกให้นั้นมีอัตราดอกเบี้ย 1% ต่อปี ใช้สิทธิแปลงสภาพได้ภายใน 3 ปีโดยขยายระยะเวลาได้เป็น 5 ปี มีราคาแปลงสภาพ 0.39 เหรียญฮ่องกง/หุ้น

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สถาบันวิจัย บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า การขายโลตัสในจีนได้ ช่วยทำให้กำไรปี 2551 ของบริษัทจะดีขึ้นเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ 2.8 พันล้านบาท ส่วนปีหน้าอยู่ที่ประมาณ 3 พันล้านบาท เป็นผลจากการขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง

แต่อีกมุมหนึ่งก็มองว่าการบริโภคในต่างจังหวัดจะลดลง เพราะราคาสินค้าเกษตรในปีหน้าคาดว่าจะไม่ดีเท่าปีนี้ ซึ่งถือเป็นความเสี่ยง และโดยปกติกลุ่มค้าปลีกจะได้รับประโยชน์จากเงินเฟ้อที่สูง เมื่อเงินเฟ้อลดลงในปีหน้า ทำให้กลุ่มนี้ไม่น่าโดดเด่น เพราะจะทำให้การเติบโตของยอดขายมีไม่มากนัก

ดังนั้น จึงมองว่า หุ้น CPALL เป็นหุ้นที่ลงทุนระยะยาวได้ แต่ว่าราคาตลาดอาจจะสูงกว่าที่ประเมินราคาพื้นฐานไว้ ที่ 9.60 บาท จึงเห็นว่าน่าจะรอให้ราคาต่ำกว่านี้ โดยราคาหุ้นในระยะสั้นได้ปรับขึ้นมาได้สะท้อนข่าวดีไปแล้ว ซึ่งหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาหลายวันแล้ว

"ผมมองว่า ความเสี่ยงหลักของเขาคือ เศรษฐกิจในต่างจังหวัด ที่เขามีการขยายสาขาไป และเรื่องของเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ผมคิดว่า รายได้หรือยอดขายจะลดลงตาม เพราะมีเรื่องราคาซ้อนอยู่ด้วย CPALL เป็นหุ้นที่ลงทุนระยะยาวได้ เพราะเป็นหุ้นที่มีกระแสเงินสดดี" นายสุกิจ กล่าว

ด้านบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)มองว่า การขายโลตัสที่ประเทศจีนได้เป็นผลสำเร็จเมื่อสิ้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมาออกไปได้เร็วกว่าคาดการณ์เดิมที่ บล.กิมเอ็งฯคาดไว้ในเดือนธันวาคม 51 จึงมีการปรับประมาณการกำไรปกติในปีนี้ขึ้น 25% เป็น 2,743 ล้านบาท (0.61 บาท/หุ้น) เพิ่มขึ้น 107% จากปีก่อน

สำหรับปี 52 คาดว่ากำไรจะเติบโตอีก 24% เป็น 3,412 ล้านบาท (0.76 บาท/หุ้น) จากการที่ธุรกิจในประเทศไม่ว่าจะเป็นร้านเซเว่นฯ และเคาน์เตอร์เซอร์วิสมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง

การขายโลตัสที่ประเทศจีนได้เป็นผลสำเร็จจะส่งผลบวกต่อ CPALL ในแง่ที่ไม่ต้องรวมงบการเงินของ SLS ตั้งแต่เดือนพ.ย.เป็นต้นไป โลตัสมีผลขาดทุนหนักมาตั้งแต่ปี 2548 จากภาวะการแข่งขันสูง โดยผลขาดทุนจากการดำเนินงานสูงถึง 3,241 ล้านบาทในปี 2550 และ 511 ล้านบาทในครึ่งแรกของปีนี้

นอกจากนั้น การที่ SLS มีมูลค่าตามบัญชีติดลบทำให้ CPALL สามารถบันทึกกำไรจากหุ้นกู้แปลงสภาพที่ได้รับจาก CTEI มูลค่าประมาณ 4 พันล้านบาท โดยอาจจะบันทึกได้ในปีนี้หรือเมื่อหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน(หากไม่มีการใช้สิทธิแปลงสภาพ) สำหรับ CTEI จะมีการปรับโครงสร้างด้วยการเข้าลงทุนในสาขาที่มีผลการดำเนินงานดีและขายสาขาที่มีผลการดำเนินงานต่ำ(non- performing) ออกไป

"หลังจากปรับประมาณการทำให้ราคาที่เหมาะสมของหุ้นถูกปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 13.00 บาทจากการประเมินมูลค่าหุ้นด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด เรายังได้ปรับคำแนะนำจาก ทยอยสะสม มาเป็น ซื้อ หลังจากความกังวลจากการขายโลตัสหมดไป"บทวิจัย ระบุ

ส่วน บล.ธนชาต มองว่า ดีลการขายโลตัสในจีน ซึ่ง CPALL ถือหุ้น 30% เสร็จสมบูรณ์เป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเสร็จเร็วกว่าที่เราคาดไว้ 2 เดือน ดังนั้นเราจึงปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2551 ของเราขึ้นราว 6% แต่ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2552 ขึ้นเล็กน้อย

เนื่องจาก SLS มีผลการดำเนินงานที่ขาดทุนเป็นเวลาหลายปี จึงทำให้นักลงทุนเกิดความกังวลว่า CPALL จะต้องทำการเพิ่มเงินเพื่อช่วยเหลือ SLS อย่างไรก็ตามดีลการขายโลตัสดังกล่าวได้ทำให้ความเสี่ยงในเรื่องการไหลออกของกระแสเงินสดในอนาคตจางหาย

แต่ CPALL เป็นเจ้าของธุรกิจร้านสะดวกซื้อ ”7-eleven” ในประเทศไทย ซึ่งมีจุดเด่นที่มีศักยภาพในการเติบโตที่แข็งแกร่ง เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงอยู่ห่างจากจุดอิ่มตัวอย่างมาก โดยมีสัดส่วนลูกค้า/ร้าน เพียง 8,000 ราย เท่านั้น (เทียบกับ 4,000 ที่เกาหลี และ 2,500 ที่ญี่ปุ่น)

รวมทั้งธุรกิจมีลักษณะที่ผูกขาดโดยธรรมชาติ เนื่องจากผู้เล่นอันดับสองนั้นมีขนาดเพียง 1 ใน 10 ของขนาดของCPALL เท่านั้นและไม่มีการขยายธุรกิจในเชิงรุกอีกด้วย ประกอบกับเป็นธุรกิจที่มีกระแสเงินสดจำนวนมาก และธุรกิจมีลักษณะ defensive อีกทั้งยังไม่มีเงื่อนไขในเรื่องอายุสัมปทาน หรือสัญญา อย่างธุรกิจโรงไฟฟ้า หรือ ผู้ประกอบการโทรคมนาคมอีกด้วย

ดังนั้น CPALL จึงเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของประเทศ ทั้งราคาหุ้นในปัจจุบันซื้อขายอยู่ที่ระดับเพียง 51% ของราคาเป้าหมายของเรา และ ยังให้ dividend yield ที่สูง และมีเสถียรภาพที่ 9%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ