(เพิ่มเติม) BGH คงเป้ารายได้ปี 51 เหตุยอดผู้ป่วย Q3 ไม่ลด/สรุปพันธมิตรในเขมรปลายปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 5, 2008 13:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

น.พ.ชาตรี ดวงเนตร ประธานคณะผู้บริหารศูนย์การแพทย์โรงพยาบาลกรุงเทพ บมจ.ดุสิตเวชการ(BGH) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้ารายได้ในปีนี้ที่จะเติบโตมาเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.8 หมื่นล้านบาท เพราะหลังจากผ่านช่วงไตรมาส 3/51 ยังพบว่ายอดผู้ป่วยไม่ได้ลดลง แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจจะมีความผันผวนมาก

และยังมองว่าการที่เกิดวิกฤติกับเศรษฐกิจโลกยิ่งจะทำให้ผู้ป่วยในต่างประเทศ โดยเฉพาะสหรัฐและยุโรปหันมาใช้บริการที่ถูกกว่าในประเทศไทยมากขึ้น

"การที่สหรัฐประสบวิกฤติเศรษฐกิจและลุกลามมายังยุโรป มองว่าจะส่งผลดีต่อธุรกิจของประเทศไทย เนื่องจากโรงพยาบาลในไทยมีการพัฒนาคุณภาพ แต่ค่ารักษายังถูกกว่าประเทศในแถบยุโรปประมาณ 30% และถูกกว่าในสหรัฐประมาณ 20%"น.พ.ชาตรี กล่าว

อย่างไรก็ตาม ต้องรอดูในช่วงไตรมาส 4/51 ว่าเศรษฐกิจภายในประเทศจะได้รับผลกระทบจากภาคการส่งออกและท่องเที่ยวมากน้อยอย่างไร ซึ่งอาจจะส่งผลให้จำนวนผู้ป่วยในประเทศปรับตัวลดลง โดยอาจหันไปใช้บริการโรงพยาบาลภาครัฐมากขึ้น หรือ ใช้สิทธิประโยชน์อื่นของรัฐ เช่น ใช้สิทธิบัตร 30 บาทรักษาทุกโรค เป็นต้น

สำหรับ ปี 52 น.พ.ชาตรี มองว่า ธุรกิจโรงพยาบาลเอกชนยังคงต้องปรับตัวรองรับเศรษฐกิจภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวที่จะส่งผลกระทบถึงไทย ซึ่งทางโรงพยาบาลเองก็ได้หาตลาดใหม่ในต่างประเทศ รวมทั้งจะเน้นการทำการตลาดในกลุ่มลูกค้าในประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยเน้นการให้บริการที่มีคุณภาพ และจับลูกค้าระดับบนที่เชื่อว่ากำลังซื้อยังไม่หายไป

"ปีหน้า การเติบโตของรายได้ คงเป็นไปอย่างทรงตัว เพราะเราต้องระมัดระวังสถานการณ์เศรษฐกิจโลกที่อาจมีการผันแปรต่อธุรกิจ รายได้ปีหน้ายังไม่สามารถบอกได้ว่าจะเติบโตในระดับ 15% เช่นเดียวกับปีนี้หรือเปล่า เราคงต้องทำธุรกิจเชิงรับมากกว่าเชิงรุก" น.พ.ชาตรี กล่าว

ทั้งนี้ BGH ยังยืนยันที่จะเดินหน้าการลงทุนในโรงพยาบาลแห่งใหม่ที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในต้นปี 52 โดยขณะนี้รอการอนุมัติด้านสิ่งแวดล้อม

ขณะที่แผนการลงทุนในต่างประเทศก็ยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง โดยปีนี้มีการก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งที่ 2 ในกัมพูชาขนาด 100 เตียง ที่กรุงพนมเปญ ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% และจะหาพันธมิตรใหม่เข้ามาร่วมทุนในโรงพยาบาลภายในปีนี้

"เราต้องการพันธมิตรเข้ามาเพื่อช่วยลดความเสี่ยง รวมทั้งต้องเป็นพันธมิตรที่มีความรู้ความเข้าใจในเขมรเป์นอย่างดี โดยโรงพยาบาลแห่งนี้จะสร้างเสร็จในปี 52 และ คาดว่าจะหาผู้ร่วมทุนได้ปลายปีนี้"น.พ.ชาตรี กล่าว

ปัจจุบัน BGH มีโรงพยาบาลในต่างประเทศที่กัมพูชา และเมืองอาบูดาบี ในสหรัฐอาหรับเอมิเรต ส่วนในประเทศมี 17 แห่ง รวมมีโรงพยาบาลทั้งสิ้น 19 แห่ง ผู้ป่วยที่เข้ารักษาประมาณ 40% เป็นชาวต่างชาติ และ 60% เป็นคนไทย โดยลูกค้าหลักในต่างประเทศ เป็นลูกค้าประเทศแถบตะวันออกกลาง ยุโรป สหรัฐอเมริกา และอาเซียน

สำหรับการวางระบบเทคโนโลยีของกลุ่มโรงพยาบาลกรุงเทพ ใช้เงินรวมประมาณ 30 ล้านบาทโดยแบ่งเป็๋น 3 เฟส ซึ่งเฟสแรกจะเริ่มในกลุ่มโรงพยาบาลหลัก ได้แก่ ร.พ.กรุงเทพ ,ร.พ.สมิติเวช และ ร.พ.บีเอ็นเอช คาดว่าะใช้เงินประมาณ 6 ล้านบาท จากนั้นจะเริ่มใช้งานได้ในปี 52 หลังจากนั้นเฟสต่อไปจะทำในกลุ่มโรงพยาบาลหัวเมืองหลัก เช่น พัทยา ภูเก็ต นครราชสีมา และเฟสสุดท้ายจะดำเนินการในกลุ่มโรงพยาบาลขนาดเล็ก

นพ.ชาตรี เชื่อว่า การวางระบบที่ดีจะทำให้สามารถมีข้อมูลลูกค้าที่แน่นอน และสามารถติดตามลูกค้าเพิ่อให้รักษาต่อเนื่องกับเครือโรงพยาบาลกรุงเทพได้ดีขึ้น โดยคาดหวังจะมีลูกค้ากลับมาใช้บริการอีกอย่างน้อย 85%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ