ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (5 พ.ย.) ซึ่งเป็นการร่วงลงวันแรกในรอบการซื้อขาย 7 วัน เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาน้ำมันดิบและทองคำร่วงลงอย่างหนัก ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลที่ว่าคณะรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐอาจไม่สามารถปกป้องเศรษฐกิจจากภาวะถดถอยได้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 108.77 จุด ปิดที่ 4,530.73 จุด หลังจาก เคลื่อนตัวในช่วง 4,495.70-4,639.50 จุด
มาร์ติน สแตนลีย์ นักวิเคราะห์จาก GFT Global Markets ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า "แม้เสียงชาวอเมริกันและชาวโลกส่วนใหญ่ขานรับชัยชนะของนายบารัค โอบามา แต่นักลงทุนกังวลว่าคณะรัฐบาลชุดใหม่ของสหรัฐอาจไม่สามารถแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจได้ เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมาถึงจุดพลิกผลันที่อาจต้องใช้เวลานานในการพลิกฟื้น และปัญหาเศรษฐกิจทั่วโลกในขณะนี้มีต้นตอมาจากปัญหาในตลาดสินเชื่อของสหรัฐ"
ADP Employer Services เปิดเผยว่า ภาคเอกชนลดการจ้างงานลงมากที่สุดในรอบ 6 ปีในเดือนต.ค. และแผนการปลดพนักงานของบริษัทเอกชนพุ่งขึ้นสูงสุดในรอบเกือบ 5 ปี ขณะที่สถาบันจัดการด้านอุปทาน (ISM) ระบุว่า ภาคบริการของสหรัฐหดตัวลง อย่างรุนแรงในเดือนต.ค.
หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันในตลาด NYMEX ร่วงลง 5.23 ดอลลาร์ แตะที่ 65.30 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยหุ้นบีพีร่วงลง 1.9% หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 3.5% หุ้นริโอทินโต ดิ่งลง 6% และหุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ร่วงลง 1.6%