บมจ.ปทุมไรซมิล แอนด์ แกรนารี (PRG) เปิดเผยว่า บริษัทได้ติดต่อกับผุ้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทเพื่อขอให้ลดการถือครองหุ้นลงเพื่อเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นรายย่อยเข้ามาซื้อหุ้นในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้น และได้ผลการเจรจากับกลุ่มธนชาต ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ซึ่งได้รับทราบปัญหาของบริษัทฯแล้ว และได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในกลุ่มธนชาตที่มีธนาคาร ธนชาต จำกัด (มหาชน) รวมอยู่ด้วยนั้น มีความจำเป็นที่ต้องขายหุ้นของบริษัทฯออกไป เนื่องจากพระราชบัญญัติธุรกิจสถาบันการเงิน พ.ศ.2551 ได้กำหนดห้ามมิให้สถาบันการเงินถือหรือมีหุ้นโดยทางตรงหรือทางอ้อมในบริษัทใดเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทนั้น โดยจะดำเนินการให้เป็นไปตามที่กฎหมายกำหนด ภายในปี 2553
นอกจากนี้ บมจ. เอ็ม บี เค (MBK) ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่อีกรายหนึ่งได้รับที่จะขายหุ้นให้เพิ่มเติม หากการขายหุ้นของกลุ่มธนชาตไม่เพียงพอ ทั้งนี้ เพื่อให้ได้สัดส่วนตามที่ตลาดหลักทรัพย์ฯ กำหนดไว้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาบริษัทจะมีการกระจายการถือหุ้นให้กับผู้ถือหุ้นรายย่อย เพื่อให้ได้สัดส่วนร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้วของบริษัท ตามหลักเกณฑ์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดไว้ก็ตามแต่จะไม่กระทบการบริหารจัดการและนโยบายของบริษัทฯ เนื่องจากยังคงเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ชุดเดิมของบริษัท ฯ
และบริษัทอยู่ระหว่างการปรับปรุงคุณสมบัติด้านการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นรายย่อยให้ครบถ้วน ตามข้อกำหนดของตลาด หลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าด้วยการดำรงสถานะเป็นบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกำหนดว่าบริษัทจดทะเบียนต้องมีจำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย ไม่น้อยกว่า 150 ราย และมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้ว
โดยจากรายชื่อผู้ถือหุ้น ณ วันปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2550 บริษัทฯ มีผู้ถือหุ้นรายย่อยทั้งสิ้นจำนวน 459 ราย คิดเป็นร้อยละ 4.73 ของทุนชำระแล้ว ซึ่งยังขาดอยู่อีกร้อยละ 10.27