ทริสเรทติ้งจัดอันดับเครดิตหุ้นกู้ใหม่ TCAP ที่ “A/Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 6, 2008 09:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันชุดใหม่ในวงเงินไม่เกิน 4,000 ล้านบาทของ บมจ. ทุนธนชาต (TCAP) ที่ระดับ “A" ในขณะเดียวกันยังคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ชุดเดิมของบริษัทที่ระดับ “A" พร้อมแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

โดยอันดับเครดิตสะท้อนฐานะการเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มธนชาตซึ่งจะได้รับผลตอบแทนเป็นเงินปันผลจากการถือหุ้น 74.92% ในบริษัทลูกคือ ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) นอกจากนี้ ยังสะท้อนคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ ผลสำเร็จในการพัฒนาระบบการบริหารความเสี่ยง และความสำเร็จในการกระจายธุรกิจสู่ฐานรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยอย่างต่อเนื่อง ในการให้อันดับเครดิตยังพิจารณาถึงการขยายขอบเขตธุรกิจธนาคารภายใต้แนวทางธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ (Universal Banking) ซึ่งคาดว่าจะช่วยให้เกิดการขยายตัวและสร้างรายได้ในระยะยาวให้แก่กลุ่มด้วย ผลสำเร็จในการเกื้อหนุนซึ่งกันและกันภายในกลุ่มยังต้องรอการพิสูจน์และคาดว่าจะสร้างรายได้ที่มั่นคงในระยะยาวได้

อย่างไรก็ตาม อันดับเครดิตมีข้อจำกัดจากการที่กลุ่มธนชาตมีมูลค่าทางธุรกิจ (Franchise Value) ที่ด้อยกว่าธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่ รวมถึงปัจจัยแวดล้อมทางเศรษฐกิจและธุรกิจที่เอื้ออำนวยน้อยลงซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของกลุ่ม

แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงความคาดหมายว่าพอร์ตสินเชื่อเช่าซื้อที่เหลืออยู่จะยังคงสร้างกระแสเงินสดให้แก่บริษัทและบริษัทจะมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากเงินปันผลจากธนาคารธนชาต ทั้งนี้ การมีคณะผู้บริหารที่มีความสามารถ ระบบบริหารความเสี่ยงที่ดี และฐานเงินทุนที่เพียงพอน่าจะช่วยลดความเสี่ยงของบริษัทได้ในอนาคต

ทริสเรทติ้งรายงานว่า ธนาคารธนชาตซึ่งเป็นบริษัทลูกที่บริษัททุนธนชาตถือหุ้นอยู่ 74.94% ปัจจุบันดำเนินธุรกิจภายใต้ใบอนุญาตประกอบธุรกิจธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบ เพื่อให้สอดคล้องกับแผนการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มธนชาต ในปี 2550 ธนาคารได้ซื้อบริษัทลูกจำนวน 8 แห่งจากบริษัท ในเดือนกรกฎาคม 2550 บริษัทได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับ Bank of Nova Scotia (BNS) เพื่อลงทุนในธนาคารธนชาตและมีผลทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นของธนาคารธนชาตเปลี่ยนไป โดยสัดส่วนการถือหุ้นในธนาคารธนชาตของบริษัทลดลงจาก 99.36% เป็น 74.92 % ณ วันที่ 15 มกราคม 2551 และ BNS มีสัดส่วน 24.98% เมื่อพิจารณาจากขนาดของสินทรัพย์ตามงบการเงินรวม ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 แล้ว บริษัทจัดอยู่ในอันดับที่ 8 ในบรรดาธนาคารพาณิชย์เต็มรูปแบบทั้ง 14 แห่งของไทย บริษัทได้พัฒนาศักยภาพคณะผู้บริหารจนสามารถให้การสนับสนุนบริษัทลูกคือธนาคารธนชาตให้แข่งขันได้และมีความยืดหยุ่นในการตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของภาวะแวดล้อมทางเศรษฐกิจและธุรกิจ

ทริสเรทติ้งกล่าวว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 2551 บริษัททุนธนชาตมีผลการดำเนินงานตามความคาดหมาย โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2551 บริษัทมียอดสินทรัพย์รวมทั้งหมด 346,672 ล้านบาท และมีผลกำไรสุทธิเท่ากับ 1,777 ล้านบาท บริษัทมีอัตราส่วนผลตอบแทนต่อสินทรัพย์รวมถัวเฉลี่ยและอัตราส่วนผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้นถัวเฉลี่ยที่ยังไม่ได้ปรับเต็มปีเท่ากับ 0.53% และ 5.43% ตามลำดับ ในขณะที่เงินให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อถัวเฉลี่ยเท่ากับ 4.78% ภายใต้การปรับโครงสร้างกลุ่มธุรกิจ บริษัทได้พัฒนาสู่การเป็นบริษัทโฮลดิ้งของกลุ่มธนชาตอย่างค่อยเป็นค่อยไป ระบบบริหารความเสี่ยงรวมของกลุ่มได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องตามมาตรฐานสากล และคณะผู้บริหารของบริษัทก็มีผลงานเป็นที่ยอมรับ ทั้งนี้ ในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว อัตราเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับสูง และภาวะแวดล้อมในธุรกิจธนาคารพาณิชย์ที่มีการแข่งขันสูงล้วนคาดว่าอาจมีผลจำกัดการขยายธุรกิจและความสามารถในการทำกำไรของบริษัทลูกที่สำคัญคือธนาคารธนชาตและบริษัทลูกรายอื่นๆ ที่ดำเนินธุรกิจบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ทริสเรทติ้งกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ