(เพิ่มเติม) TRUE คาดได้เงินเพิ่มทุน Q1/52,คาดหนี้สินต่อ EBITDA เหลือ 2 เท่าในปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 6, 2008 14:46 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ทรู คอร์ปอเรชั่น(TRUE)คาดได้รับเงินจากการขายหุ้นเพิ่มทุนภายในไตรมาส 1/52 พร้อมเชื่อว่าจะสามารถขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับผู้ถือหุ้นเดิมได้ทั้งหมด จากที่บริษัทจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้จำนวน 1 หมื่นล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 1.95 บาท ในอัตราส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ แต่เปิดช่องทางให้จองซื้อได้มากกว่านี้ได้

"ผมมั่นใจว่าหุ้นเพิ่มทุนจะขายได้หมดทั้งจำนวนในคราวเดียว และผู้ถือหุ้นใหญ่ อย่างซีพีจะเรียกความมั่นใจจากผู้ถือหุ้นรายย่อยโดยการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามสัดส่วน ซึ่งปัจจุบันถือหุ้นอยู่ 30%" นายศุภชัย เจียรวนนท์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานคณะผู้บริหาร TRUE กล่าว

สำหรับการเพิ่มุทนครั้งนี้ บริษัทจะระดมทุนได้จำนวน 1.95 หมื่นล้านบาท โดยจะนำมาคืนหนี้จำนวน 4.5 พันล้านบาท จากยอดหนี้ที่ต้องชำระในปีหน้าประมาณ 8.9 พันล้านบาท และจำนวนเงิน 3.5 พันล้านบาท จะนำไปซื้อหุ้นบริษัท กรุงเทพอินเตอร์เทเลเทค จำกัด (มหาชน) หรือ BITCO ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของบริษัท ทรู มูฟ จำกัด คืนจากบริษัท เจริญโภคภัณฑ์โฮลดิ้ง จำกัด

และที่เหลือประมาณ 1.15 หมื่นล้านบาทจะนำไปลงทุนและขยายธุรกิจ ซึ่งเน้นลงทุนระบบ 3G ที่บริษัทยังเดินหน้าลงทุน ซึ่งคาดว่าจะสามารถเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ในไตรมาส 2 ปี 52

นายศุภชัย กล่าวว่า การเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้บริษัทมีหนี้สินสุทธิลดลง เหลือประมาณ 4.8 หมื่นล้านบาท จาก 6.8 หมื่นล้านบาท ภายในปี 52 และคาดว่า อัตราส่วนหนี้สินต่อ EBITDA ลดลงต่ำกว่า 2 เท่า ในปี 53 จากปัจจุบันอัตราส่วนอยู่ที่ 3.5 เท่า

โดยในช่วงเดือนพ.ย.ที่จะมีหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอนจำนวน 6-7 พันล้านบาทจะใช้เงินจากการดำเนินงาน ส่วนแผนออกหุ้นกู้ชุดใหม่ยังต้องรอดูภาวะที่เหมาะสม ซึ่งคาดว่าจะออกได้ในปีหน้า หากแผนการเพิ่มทุนครั้งนี้แล้วเสร็จ ซึ่งสถานะการเงินบริษัทดีขึ้น ก็จะทำให้ง่ายต่อการระดมทุน แต่ก็ต้องรอติดตามสภานการณ์โลก โดยตั้งแต่ต้นปี 51 ตลาดหุ้นกู้ต่างประเทศไม่เอื้ออำนวย และ ที่ผ่านมาบริษัทใหญ่ของไทยระดมเป็นหู้นกู้สกุลเงินบาท

"หลังจากกระบวนการเพิ่มทุนเสร็จ โดยทฤษฎี บริษัทก็จะสามารถคืนหนี้หมดภายใน 2 ปี แต่ในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมนั้นถ้าไม่มีหนี้จะไม่ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม เพราะต้องใช้เงินลงทุนสูง และเพื่อ Balance Sheet ที่ดี แต่การเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้หมดข้อคำถามถึงฐานะการเงินของบริษัท และความเสี่ยงที่มีหนี้สินในระดับสูงมาก" นายศุภชัย กล่าว

นายศุภชัย กล่าวว่า เหตุที่เลือกเพิ่มทุนในช่วงเวลานี้ เพราะเห็นว่าเป็นเวลาเหมาะสม เนื่องจากราคาหุ้น TRUE ปรับตัวลดลงมาก โดยราคาใช้สิทธิที่ 1.95 บาท/หุ้นเมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานถือว่าเป็นราคาต่ำ หากนักลงทุนระยะกลางและยาวถือไว้ เมั่นใจได้ว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยราคาหุ้นขณะนี้ ต่ำกว่าความเป็นจริง

ประกอบกับภาวะเศรษฐกิจโลกเริ่มชะลอตัว อาจจะทำให้สภาพคล่องทางการเงินในไทยปรับลดลง และจะเริ่มตึงตัวในปี 52 อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับปี 40 ช่วงที่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจในไทย บริษัทมีอัตราหนี้สินต่อ EBITDA สูงถึง 13.5 เท่า ทำให้บริษัทเชื่อว่าจะฝ่าฟันวิกฤตครั้งนี้ไปได้ และธุรกิจที่สร้างรายได้หลัก มาจาก บริษัท ทรูมูฟ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ให้บริการมือถือ

*เน้นลงทุนใน"ทรูมูฟ" /ยอมรับ ARPU ปีนี้ลด 5-10%

นายศุภชัย กล่าวว่า ในปี 51 TRUE มีงบลงทุนจำนวน 8 พันล้นบาท แบ่งเป็นลงทุนในทรูมูฟ 50% ที่เหลือเป็๋นธุรกิจบรอดแบนด์ และ ธุรกิจเคเบิลทีวี

ส่วนปี 52 TRUE ยังคงเน้นลงทุนในทรูมูฟ โดยเฉพาะการลงทุนระบบ 3G แต่การลงทุนต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการเงินขึ้นอีก

สำหรับทรูมูฟ ในปีนี้ จากการที่เศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้ประชาชนระมัดระวังการใช้จ่าย ทำให้รายได้ต่อเลขหมาย(ARPU) ลดลง ประมาณ 5-10% แต่จำนวนผู้ใช้ใหม่ (Net Adds) ยังอยู่ในระดับลดลงไม่มากนัก และยังเติบโตได้ตามเป้าหมายที่คาดว่าจะมียอดลูกค้าใหม่ 3-4 ล้านเลขหมาย

แต่ยอมรับว่า รายได้รวมของ TRUE ในปี 51 คาดว่าจะลดลงจากประมาณการเดิมซึ่งตั้งเป้าหมายไว้ต้นปี ส่วนในปี 52 เชื่อว่า ธุรกิจโทรคมนาคมยังคงเดินหน้าไปได้ เพราะเศรษฐกิจไทยชะลอตัวแต่ไม่ได้ติดลบ และ ปีหน้ายังเป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจโทรคมนาคม จากธุรกิจ 3G


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ