นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอส เอฟ ซิเนม่า ซิตี้ จำกัด กล่าวว่า บริษัทคงยังไม่รีบร้อนนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ภายในระยะ 2 ปีนี้ แม้จะเคยมีแผนก่อนหน้านี้ เนื่องจากบริษัทยังไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงิน และธุรกิจยังเติบโตได้ดี
"ดูแล้วภาวะและปัจจัยหลายอย่างไม่เอื้ออำนวย ประกอบกับได้มีการหารือกับ FA คือ บล.เอเชียพลัส และ บล.ธนชาต แล้วต่างก็เห็นตรงกัน ที่สำคัญเราไม่มีความจำเป็นต้องระดมทุน เพราะบริษัทยังมีความแข็งแกร่งทางด้านฐานะการเงิน.....เรา Freeze เรื่องนี้ไปเลย 2 ปี...คงรอดัชนีถึง 1,000 จุดมั้ง"นายสุวิทย์ กล่าว
สำหรับแผนการลงทุนปีหน้าจะเตรียมงบ 1.5 พันล้านบาท เปิดโรงภาพยนตร์เพิ่มอีก 3 แห่ง คือที่เซ็นทรัล พัทยา 9 โรง, เซ็นทรัล ชลบุรี 7 โรง และเซ็นทรัล ขอนแก่น หลังจากปลายปีนี้จะเปิดสาขาที่แจ้งวัฒนะ 10 โรง ซึ่งจะทำให้ ปี 52 เอส เอฟ ซีเนม่า จะมีโรงภาพยนตร์รวมทั้งสิ้น 14 สาขา 130 โรง
โดยคาดว่าปี 52 รายได้จะเติบโต 20% จากปีนี้ที่ตั้งเป้ารายได้ไว้ที่ 2 พันล้านบาท เติบโตจากปี 50 ประมาณ 10%
ปัจจุบัน เอส เอฟ ซีเนม่า มีรายได้หลักจากธุรกิจโรงภาพยนตร์ 70-80% ที่เหลือมาจากโบว์ลิ่งและคาราโอเกะ
นายสุวิทย์ กล่าวว่า เชื่อว่าปี 52 จะเป็นปีที่ดีมากสำหรับธุรกิจภาพยนตร์ เนื่องจากปีหน้าจะมีภาพยนตร์ดีๆ น่าสนใจเข้าฉายจำนวนมากกว่าปีนี้มาก เช่น Harry Potter, นเรศวร ซึ่งทั้ง 2 เรื่องเลื่อนการฉายออกไปจากปีนี้ด้วยเหตุผลแตกต่างกัน นอกจากนี้ยังจะมี องค์บาก 2 ซึ่งเชื่อว่าจะดึงดูดจำนวนผู้ชมได้อย่างมาก
สำหรับอุตสาหกรรมภาพยนตร์ นายสุวิทย์ กล่าวยอมรับว่า ปีนี้ภาพรวมอุตสาหกรรมไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยถือว่าซบเซาลงไปมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา จากหลายๆ ปัจจัย แต่เชื่อว่าภาพรวมอุตสาหกรรมนี้จะดีขึ้นในปี 52 โดยคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตจากปีนี้ 10% จากมูลค่าตลาดรวม 3.6 พันล้านบาท
"ช่วงไตรมาส 1 ปีนี้ไม่ค่อยดี พอไตรมาส 2 เริ่มจะดีขึ้น ไตรมาส 3 ก็ Drop ลงมาอีก แต่ไตรมาส 4 นี้เชื่อว่าดีแน่ๆ เพราะปีที่แล้วช่วงปิดเทอมไม่มีหนังอะไรให้ดูเลย แต่ปีนี้มีหลายเรื่อง ทั้งหลวงพี่เท่ง 2, เจมส์ บอนด์ 007" นายสุวิทย์ กล่าว