(เพิ่มเติม) TOP คาดค่าการกลั่น Q4/51 ฟื้นตัวจากขาดทุน, ปี 52 ชะลอแผนลงทุนขนาดใหญ่

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 6, 2008 17:28 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสมเกียรติ หัตถโกศล รองกรรมการอำนวยการด้านธุรกิจ บมจ.ไทยออยล์ (TOP) คาดว่าค่าการกลั่นในไตรมาส 4/51 จะฟื้นตัวมาอยู่ที่ 4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล จากไตรมาส 3/51 ที่มีผลขาดทุนจากสต็อคน้ำมัน เนื่องจากราคาน้ำมันลดลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว

สำหรับปีหน้า ยอมรับว่าธุรกิจโรงกลั่นอาจจะปรับลดกำลังการผลิต เนื่องจากความต้องการใช้อาจจะลดลง แต่เชื่อว่ามาร์จิ้นของการกลั่นยังดีอยู่ และจะรักษาค่าการกลั่นให้อยู่ระดับ 4-5 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งโรงกลั่นของบริษัทสามารถกลั่นน้ำมันดีเซลได้มาก และยังเป็นผลิตภัณฑ์ทีมีมาร์จิ้นสูง

นายสมเกียรติ กล่าว่า ในปี 52 บริษัทคงจะชะลอแผนการลงทุนขนาดใหญ่ออกไปก่อน และใช้เวลาศึกษาเพิ่มมากขึ้น เพื่อความระมัดระวังในการลงทุน ได้แก่ โครงการเพิ่มมูลค่าน้ำมันเตา ใช้เงินลงทุนมากกว่า 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ จากแผนเดิมที่คาดว่าจะคัดเลือกผู้รับเหมา และเริ่มก่อสร้างในปี 53 ซึ่งคงต้องทบทวนโครงการนี้อีกครั้ง

รวมถึงโครงการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีน จากแผนเดิมที่จะเพิ่มกำลังการผลิตอีก 1 แสนตัน/ปี จากปีนี้ที่มีกำลังการผลิต 5 แสนตัน/ปีนั้น ก็คงต้องกลับมาทนทวน เบื้องต้นคาดว่าจะลดกำลังการผลิตในส่วนที่จะเพิ่มลง

"จริงๆแล้ว ธุรกิจส่วนใหญ่มีสภาพคล่อง แต่ทุกคนขาดความเชื่อมั่นจากปัญหาเศรษฐกิจโลกจะชะลอ และไมู่รู้ว่าจุด bottom อยู่ ณ จุดใด ซึ่งคาดว่าไตรมาส 1 หรือไตรมาส 2 ของปีหน้า อาจจะเห็นความรุนแรงของปัญหาอีกระลอก และจากนั้นคิดว่าเศรษฐกิจคงถดถอยแบบทรงตัว"นายสมเกียรติ กล่าว

นอกจากนี้ ในปีหน้าจากการที่อะโรเมติกส์อยู่ในช่วงขาลง บริษัทจึงต้องติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และหาตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยในปี 52 คาดว่าจะผลักดันการส่งออกให้สูงกว่าปี 51 ที่ส่งออกในสัดส่วน 20% ของรายได้รวม รวมทั้งจะต้องศึกษากำลังการผลิตที่เหมาะสมและสามารถสร้างกำไรให้บริษัทได้สูงสุด จากกำลังผลิตปัจจุบันที่ 2.75 แสนบาร์เรล/วัน เพิ่มจากปีก่อนที่มีกำลังการผลิต 2.2 แสนบาร์เรล/วัน

"หลังจากที่ประเมินว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัว การกลั่นที่เต็มกำลังการกลั่นอาจส่งผลให้ต้นทุนต่ำ แต่อาจไม่ได้สร้างมาร์จิ้นที่ดีให้กับบริษัท ดังนั้นในปีหน้าเราต้องมาทบทวนอย่างรอบคอบ ว่าจะผลิตปริมาณเท่าไร จึงจะสามารถโอกาสสูงสุดให้กับบริษัท แต่บริษัทมีต้นทุนการผลิตต่ำ เนื่องจากมีคอมเพล็กซ์ครบวงจร จึงมีความสามารถแข่งขันกับรายอื่นได้ " นายสมเกียรติ กล่าว

นอกจากนี้ มีความเป็นไปได้ว่าจะหยุดหน่วยผลิตบางส่วนหากราคาสินค้าไม่ดี แต่ยืนยันว่าต้นทุนของบริษัทหากเทียบกับรายอื่นถือว่าต่ำมาก และโอกาสการแข่งขันยังอยู่ในระดับสูง

สำหรับแผนการควบรวมธุรกิจกับ บมจ.ปตท.อะโรเมติกส์และการกลั่น (PTTAR) นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าเรื่องนี้ต่อเนื่องตามนโยบายของ นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ปตท.(PTT) ซึ่งเป็นบริษัทแม่ ทั้งนี้ ในฐานะบริษัทลูกของปตท. ก็พร้อมทำตามนโยบาย โดยโรงกลั่นของทั้งสองบริษัทสามารถกลั่นน้ำมันและผลิตปิโตรเคมีได้คุณภาพระดับใกล้เคียงกัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ