BANPU ห่วงศก.โลกทรุดทบทวนแผน 5 ปี-โรงไฟฟ้าหงสา/คาดปี 52รายได้โต 10-15%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 10, 2008 13:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. บ้านปู(BANPU) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาทบทวนและปรับแผนการลงทุน 5 ปี หลังจากเศรษฐกิจโลกได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤติสถาบันการเงิน คาดว่าจะได้ข้อสรุปภายในกลางปี 52 พร้อมกันนั้น ยังจะร่วมกับ บมจ.ผลิตไฟฟ้าราชบุรีโฮลดิ้ง (RATCH) ทบทวนการลงทุนในโรงไฟฟ้าหงสา โดยอาจจะมีการชะลอการลงทุนออกไป

สำหรับแผนระยะ 5 ปีนั้น เบื้องต้นคาดว่าจะมีการลงทุนเหมืองถ่านหินในประเทศออสเตรเลยหรืออินเดียเพิ่มเข้ามา รวมถึงมีแผนจะลงทุนใน green energy ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาโครงการ โดยล่าสุดบริษัทสนใจการลงทุนในพลังงานลม หรือเอทานอล คาดว่าจะได้เห็นความชัดเจนของโครงการในช่วงปลายปี 52

"งบลงทุนในแผน 5 ปี คงจะต้องมีการปรับเปลี่ยน ซึ่งขณะนี้รอประเมินสถานการณ์โลกในช่วงไตรมาส 1-2 นี้ซึ่งวิกฤติเศรษฐกิจโลกจะเริ่มส่งผลกระทบต่อ real sector ทำให้ต้องระมัดระวังการลงทุนและต้องคุยกันใหม่ ภายในอย่างเร็วต้นปีหน้าหรือกลางปีจึงจะได้ข้อสรุป"นายชนินท์ กล่าว

ซีอีโอ BANPU กล่าวว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องชะลอการลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าหงสาออกไป เนื่องจากโครงการดังกล่าวใช้เงินลงทุนสูงถึง 3.5 พันล้านเหรียญ และวางแผนใช้เงินกู้ถึง 70-75% ซึ่งเป็นมูลค่าที่สูงมาก คงเป็นเรื่องยากที่จะมีสถาบันการเงินมาปล่อยกู้วงเงินสูงในข่วงนี้

ขณะที่การลงทุนของ BANPU เอง ก็ยังต้องหันมาใช้เงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศทดแทนการออกหุ้นกู้ โดยในช่วงปลายปีนี้บริษัทก็ได้ปรับเปลี่ยนแผนออกหุ้นกู้ 5 พันล้านบาท และในปีหน้าก็ยังไม่มีแผนออกหุ้นกู้ แต่ได้ปรับมาเป็นการกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศวงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท ระยะเวลาชำระคืน 3-5 ปี

นอกจากนั้น ในปีหน้าบริษัทคงจะนำเงินจากกระแสเงินสดที่มีประมาณปีละ 1.2 หมื่นล้านบาท มาใช้เป็นทุนหมุนเวียนในกิจกการ ทดแทนการใช้ตราสารทางการเงิน เนื่องจากเศรษฐกิจโลกส่งผลกระทบให้สถาบันการเงินต้องเพิ่มความระมัดระวังเพิ่มขึ้น

*รายได้ปี 52 โต 10-15% ราคาขายเฉลี่ยสูงกว่า 70 เหรียญ/ตัน ปริมาณขาย 20.5 ล้านตัน

นายชนินท์ กล่าวว่า ในปี 52 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้เติบโต 10-15% จากปีนี้ที่มีรายได้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามปริมาณการผลผลิตถ่านหินที่คาดว่าจะผลิตได้ 20.5 ล้านตัน สูงขึ้นจากปีนี้ที่จะผลิตได้ราว 18.5 ล้านตัน โดยจะมาจากเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซียเป็นหลัก และส่วนหนึ่งจากเหมืองในจีนเพิ่มเข้ามา

ประกอบกับ ราคาซื้อขายถ่านหินล่วงหน้าที่ทำสัญญาไปแล้ว 47% ก็สูงกว่า 80 เหรียญ/ตัน โดยเป้าหมายจะทำสัญญาไม่ต่ำกว่า 60-70% เพื่อบันทึกราคาขายไม่ต่ำกว่า 80 เหรียญ/ตัน ดันราคาขายเฉลี่ยในปี 52 ให้อยู่ที่ไม่ต่ำกว่า 70 เหรียญ/ตัน

"การผลิตในปีหน้า บริษัทคงต้องพึ่งกำลังผลิตหลักจากอินโดนีเซียและจีน หลังจากที่ไทยไม่มีความสามารถในการผลิตแล้ว แต่หากมีโอกาสหรือมีแหล่งใหม่ในไทยก็พร้อมจะเข้าไปลงทุน"นายชนินท์ กล่าว

ส่วนในปีนี้ ปริมาณยอดขายที่ 18.5 ล้านตัน ลดลงจากที่เคยคาดไว้ที่ 20 ล้านตัน เนื่องจากเกิดภาวะฝนตกหนักในแหล่งถ่านหินของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นอุปสรรคต่อการนำถ่านหินออกมาจำหน่าย แต่เชื่อว่าจะเป็นปกติในไตรมาส 4/51 ทำให้ปริมาณถ่านหินน่าจะอยู่ที่ 4.9 ล้านตันจากเหมืองในอินโดมินโค 3 ล้านตัน ทูบาอินโด 1.4 ล้านตัน และเหมืองในจูร่งของจีน 0.5 ล้านตัน

ขณะที่ราคาถ่านหินในไตรมาส 4/51 ปรับตัวลดลงแรง ในทิศทางเดียวกับราคาน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตาม ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมาราคากลับไปอยู่ที่ 102 เหรียญ/ตัน ทำให้เชื่อว่าทั้งปีน่าจะมีราคาขายเฉลี่ยตามเป้าหมายที่ 72 เหรียญ/ตัน

*ยังไม่มีแผนซื้อหุ้นคืน

นายชนินท์ กล่าวถึงราคาหุ้น BANPU ที่ปรับตัวลดลงแรง โดยยอมรับว่า เป็นความกังวลของผู้บริหาร เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติถือหุ้นในบริษัทค่อนข้างมาก ทำให้มีการเทขายหุ้นออกในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างมาก และไม่มีคำนึงถึงปัจจัยพื้นฐานของบริษัท บริษัทจึงไม่สามารถประเมินจุดต่ำสุดของราคาหุ้นได้ แม้ว่าขณะนี้จะเริ่มกลับมาดีขึ้นบ้าง จึงยังไม่มีแผนเข้าซื้อคืน เพราะไม่รู้ว่าเหตุการณ์วิกฤติสถาบันการเงินโลกจะสิ้นสุดลงหรือยัง และบริษัทยังจำเป็นต้องเก็บสภาพคล่องไว้ใช้เป็นทุนหมุนเวียนและจ่ายเงินปันผล
"ยอมรับว่าตอนหุ้นลงแรง ผมก็ใจเสีย และห่วงนักลงทุนรายย่อย เนื่องจากสัดส่วนการถือหุ้นของบ้านปูมีต่างชาติถือในสัดส่วนค่อนข้างเยอะ และมีการเทขายเพื่อนำไปอุดหนุนบริษัทแม่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่สามารถประเมินจุดต่ำสุดได้ หากเข้าซื้อหุ้นคืนเพื่อพยุงราคาหุ้นก็อาจจะส่งผลให้ขาดทุนจากการลงทุนได้"นายชนินท์ กล่าว

บริษัทประเมินจากการขายล่วงหน้าถานหินก็ไม่น่าที่เศรษบกิจโลกจะได้รัลบผลกระทบมาก


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ