นางนฤริน ตันติสัจธรรม รองผู้อำนวยการ สำนักงานกรุงเทพ บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์(ประเทศไทย)(CCET)คาดว่าในไตรมาส 4/51 อัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ยังคงอยู่ในระดับต่ำต่อเนื่องจากไตรมาส 3/51 ที่มีอัตรากำไรขั้นต้นในระดับ 2.7% เนื่องจาก บริษัทยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากการสต็อกสินค้าในราคาระดับสูง ประกอบกับบริษัทไม่สามารถปรับขึ้นราคาได้ และบริษัทคู่แข่งยังได้ปรับลดราคาด้วยซ้ำ เพื่อให้ลูกค้าขายสินค้าได้
ดังนั้น บริษัทจึงคาดว่ากำไรชั้นต้นเฉลี่ยทั้งปี 51 น่าจะลดลงเมื่อเทียบกับปีก่อนที่มีกำไรขั้นต้น 4.7% แต่เชื่อว่าในปีหน้าจะกลับมาฟื้นตัวระดับเฉลี่ย 4-5% หลังบริษัทได้ลูกค้ารายใหม่ในสินค้า Set on Box ที่มีมาร์จิ้นดีกว่า PCBA
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังเชื่อว่าในปี 51 ยอดขายยังเป็นไปตามเป้าหมายที่ 3.4 พันล้านเหรียญสหรัฐ โดยในช่วง 9 เดือนแรกมียอดขายแล้ว 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ มาจากลูกค้ารายเดิมและมีลูกค้ารายใหม่ 1-2 ราย
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปี 52 บริษัทจะมีการวางแผนธุรกิจในช่วงต้นปีหน้า หลังจากงบไตรมาส 4/51 ประกาศออกมาก่อน รวมถึงรอความชัดเจนของคำสั่งซื้อจากลูกค้า ก่อนจะกำหนดเป้าหมายยอดขาย
แต่จากภาวะที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นวิกฤติการเงินโลกที่คาดว่าจะส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลกชะลอตัว รวมถึง ความกังวลว่าธุรกิจอาจจะชะลอตัวเพราะความเชื่อมั่นของผู้บริโภคชะลอตัว ทำให้บริษัทจะต้องเพิ่มความระมัดระวังการลงทุนมากขึ้น
นางนฤริน กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าการลงทุนซื้อเครื่องจักรที่วางงบไว้ 25 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อเป็นการทดแทนเครื่องจักรเก่า อีกทั้งยังเป็นการเพิ่มศักยภาพรองรับกำลังการผลิตที่จะเพิ่มขึ้นในโรงงานใหม่ที่จีน ซึ่งปัจจุบันใช้กำลังการผลิตเพียง 8-9% โดยบริษัทเพิ่งสร้างเสร็จในเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา
นอกจากนี้ บริษัทจะมีความระมัดระวังในการสต็อกสินค้ามากขึ้น โดยจะไม่สต็อกจำนวนมาก ซึ่งที่ผ่านมามีการสต็อกล่วงหน้าประมาณ 2-4 เดือน เปลี่ยนมาสต็อกเฉพาะสินค้าตามที่ได้รับคำสั่งซื้อเท่านั้น รวมทั้งสำรองเผื่อไว้เพียงเล็กน้อย
"บริษัทจะพยายามสร้างฐานลูกค้าให้เหนียวแน่น เพื่อให้เราสามารถดำเนินธุรกิจในปีหน้า ถึงแม้ในปีหน้าทุกคนจะกังวลกับปัญหาที่เกิดขึ้น และการแข่งขัน ก็น่าจะมากขึ้น ดังนั้นใครที่มียอดขาย ก็จะช่วยบริษัทได้ โดยที่ผ่านมายอดขายบริษัทสูงขึ้นจากตัว PCBA ถึงแม้จะมีมาร์จิ้นน้อย แต่วอลุ่มก็มีเข้ามาต่อเนื่อง" นางนฤริน กล่าว