ภาวะตลาดหุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าปรับฐานต่อตามตลาดตปท. แกว่งตัวผันผวนเล็กน้อย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 11, 2008 09:21 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางภรณี ทองเย็น ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัยหลักทรัพย์ บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นเช้านี้เป็นการปรับฐานต่อเนื่อง แต่คิดว่าไม่มีอะไรน่ากลัว เพราะวอลุ่มตลาดเริ่มหดตัวลงในช่วงที่ดัชนี่ที่ปรับฐานลง และภาพใหญ่ตลาดหุ้นในเอเชียมีโอกาสบวกได้ต่อหลังจากการปรับฐานเพราะความเสียหายหรือปัญหาที่เกิดจากวิกฤตการเงินกระทบน้อยกว่าในสหรัฐหรือยุโรป ในเอเชียมาตรการช่วยเหลือค่อนข้างเยอะอย่างจีนก็ออกมาตรการ 5 แสนกว่าล้านเหรัยญสหรัฐ ซึ่งก็ไม่ได้แพ้สหรัฐหรือนโยบายการลดดอกเบี้ย สิ่งเหล่านี้ก็น่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่นนักลงทุนได้แต่แน่นอนตลาดที่ลงไปและขึ้นมาประมาณเกือบ 100 จุด การปรับฐานก็คงจะเกิดขึ้น คิดว่าในระยะสั้นในช่วงสัปดาห์นี้คงเป็นการปรับฐานและปรับวันละ 4-5 จุด และวอลุ่มวันละประมาณ 10,000 ล้านบาท ไม่น่าตกใจเป็นลักษณะ selective buy ในหุ้นบางตัวได้อยู่

"ตลาดเพื่อนบ้านที่เปิดมาเช้านี้ส่วนใหญ่ติดลบตามดาวโจนส์เมื่อคืนที่ติดลบ หุ้นไทยคิดว่าบวกลบสลับแต่คิดว่าไมุ่รุนแรง" นางภรณี กล่าว
ประเด็นของการพิจารณาการลงทุน :
  • ตลาดหุ้นนิวยอร์คเมื่อวานนี้(10 พ.ย.) ดัชนีดาวโจนส์ ปิดที่ 8,870.54 จุด ลดลง 73.27 จุด(-0.82%) ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 919.21 จุด ลดลง 11.78 จุด(-1.27%) และดัชนีแนสแด็ก ปิดที่ 1,616.74 จุด ลดลง 30.66 จุด (-1.86%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 696.52 ล้านบาทเมื่อวานนี้
  • ราคาน้ำมันดิบส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการเมื่อวานนี้ที่ 62.41 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.37 ดอลลาร์
  • ส.อ.ท. เร่งเก็บข้อมูลด่วนหลังพบนายจ้าง 3 นิคมฯ เตรียมเลิกจ้างปีหน้า 1 แสนคน 3 กลุ่มธุรกิจ ชิ้นส่วนยานยนต์-เครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เตรียมหารือเลิกจ้างร่วม กรอ. 20 พ.ย.นี้ หวั่นนักศึกษาจบใหม่ไม่มีงานทำ 'อุไรวรรณ' เสนอ ครม.วันนี้ของบ 1.5 พันล้าน ช่วยเลิกจ้าง
  • 'ดร.สมคิด' แนะไทยเตรียมรับโอกาสดีแผนทบทวนนโยบายเศรษฐกิจ ผู้นำสหรัฐคนใหม่ ชี้หากรัฐ-เอกชนพร้อมเชื่อวิกฤติไม่รุนแรง สอดคล้องผู้นำไอเอ็มเอฟ ระบุศก.โลกยังไม่แย่เกินเยียวยา ด้านภาคเอกชนเดินหน้าปรับตัว 'พฤกษาฯ' ลุยลงทุน ตปท. กลุ่มสกินแคร์ชูนวัตกรรมความงามมั่นใจโตฝ่าวิกฤติ
  • 'ไชยา' พอใจราคาเสนอซื้อข้าวสต็อกรัฐ 1.6-1.7 หมื่นบาทต่อตัน คาดเทสต็อกเก่า 2.1 ล้านตันทั้งหมด ขณะที่ข้าวนาปรังต้องพิจารณาราคาอีกครั้ง สั่ง อคส.เรียกเจรจาต่อรองวันนี้พร้อมเคาะขายได้ทันที ระบุผู้ส่งออกโชว์คำสั่งซื้อต่างประเทศได้แต้มต่อประมูลข้าว แบะท่า 'สยามอินดิก้า' มีสิทธิคว้าประมูล ชี้ตรวจสอบไม่พบเชื่อมโยงเพรซิเดนท์ฯ ด้านชาวนาพิจิตรโวย ธ.ก.ส.ไม่จ่ายเงินจำนำ
  • 'ธอส.' ชี้แนวโน้มดอกเบี้ยเงินกู้ลดยาก เหตุสภาพคล่องตึงตัว แบงก์พาณิชย์ต้องแข่งขันระดมเงินฝาก ทำให้ต้นทุนการเงินสูงขึ้น ขณะที่แบงก์ชาติยังไม่ทำหน้าที่อัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบ แนะเร่งประชุม กนง.ลดดอกเบี้ยก่อนกำหนดเพื่อพยุงเศรษฐกิจ
  • คลังเยผลการจัดเก็บรายได้ต.ค.2551 ซึ่งเป็นเดือนแรกของงบประมาณปี 2552 ต่ำกว่าเป้า 9.4% และต่ำกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน 18% อ้างรายได้ภาษีน้ำมันรูดจาก 6 มาตรการฝ่าวิกฤติของรัฐบาล และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตเลื่อนนำส่งรายได้
  • บลจ.เอวายเอฟ ติดบ่วงตั๋วบี/อี "TSFC" หลังกองทุนตราสารหนี้เข้าไปมีเอี่ยว "ฉัตรพี" ยืนยัน ไม่ซ้ำรอยอดีต ผิดนัดชำระหนี้รอบสอง เหตุเจ้าหนี้เตรียมเงินชำระหนี้รอล่วงหน้าแล้ว แถมงบการเงินยังแกร่ง มีสินทรัพย์เพียงพอ ประกอบกับมั่นใจภาครัฐที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สุดท้ายต้องเข้ามาอุ้มแน่นอน ชี้มี "เลห์แมน บราเธอร์ส" เป็นบทเรียนแล้ว ก่อนจะย้ำลูกค้าสบายใจได้ ผลตอบแทนเป็นไปตามโฆษณาชัวร์ ด้านสมาคมบลจ. ระบุ "TSFC" ยังสามารถลงทุนได้ เชื่อเพิ่มทุนสำเร็จ ขณะที่ "ทริส เรทติ้ง" จับตาฐานะการเงินใก้ลชิด
  • นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ประธานสมาคมธนาคารไทย เปิดเผยว่า ธนาคารพาณิชย์หลายแห่งมีความเป็นห่วงภาวะสภาพคล่องในอนาคตมาก เพราะมีการประเมินว่าสภาพคล่องที่มีอยู่ขณะนี้ 3-4 แสนล้านบาท จะถูกใช้หมดไปในปีหน้า
  • นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการสถาบันพระปกเกล้า เปิดเผยว่า สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลยังสามารถออกสลากกินแบ่ง หรือหวยบนดิน 2-3 ตัวต่อไปได้ แต่ต้องปฏิบัติตาม พ.ร.บ.สลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. 2517 โดยแบ่งสัดส่วนเงินรายได้ให้ชัดเจน โดยรายได้ 60% ให้นำไปจัดสรรเป็นเงินรางวัล ส่วนอีก 40% เข้ารัฐ โดยต้องไม่ใช่สลากกินรวบเหมือน ที่ผ่านมาซึ่งไม่สามารถดำเนินการได้
  • "ทักษิณ"เปิดใจครั้งแรกหลังอังกฤษถอนวีซ่า ปฏิเสธข่าวมีแผนปักหลักที่จีน-ฟิลิปปินส์ อ้างเป็นฝ่ายยกเลิกขอลี้ภัยในอังกฤษเอง เพราะไม่จำเป็นและไม่ชอบคำว่า "ลี้ภัย" เผยเตรียม "โฟนอิน" ข้ามประเทศอีกรอบ ในการชุมนุมฐานเสียงภาคอีสาน
  • ฟิทช์ปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือ 4 ประเทศในยุโรปตะวันออก ได้แก่ บัลแกเรีย ฮังการี คาซัคสถาน และโรมาเนีย รวมทั้งปรับลดแนวโน้มความน่าเชื่อถือของรัสเซีย และเม็กซิโก เนื่องจากเห็นว่าวิกฤติเศรษฐกิจลุกลามเข้าสู่ประเทศตลาดเกิดใหม่แล้ว แต่ยังคงอันดับความน่าเชื่อถือของ ไทย จีน อินเดีย บราซิล เปรู โปแลนด์ และไต้หวัน ไว้ที่ระดับเดิม


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ