บมจ.ไทยคม(THCOM)คาดยอดขายอุปกรณ์ปลายทางของไอพีสตาร์ (IPSTAR User Terminal) หรือ UT ในปี 51 จะทำได้เพียง 7 หมื่นชุด ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 1 แสนชุด เนื่องจากบริษัทได้ปรับกลยุทธหันมาเน้นการให้เช่าช่องสัญญาณดาวเทียม ส่วนอินเดียที่คาดว่าจะเปิดตลาดในสิ้นปีนี้ก็มีแนวโน้มว่าจะขาย UT ได้ไม่มากนัก แต่ทำรายได้รวมทั้งปี 7.2 พันล้านบาทสูงกว่าที่คาดไว้
THCOM ยังคาดว่าในปีนี้ EBITDA ราว 2.5 พันล้านบาทสูงกว่าปีก่อน
นายธนฑิต เจริญจันทร์ รองกรรมการผู้อำนวยการ สายการเงินและการบัญชี THCOM กล่าวว่า ในปีนี้บริษํทจะขาดทุนหรือไม่ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยนเฉลี่ยว่าจะสูงกว่าในปี 50 ที่ 33.90 บาท/ดอลลาร์หรือไม่ โดย ณ สิ้นไตรมาส 3/51 บันทึกค่าเงินบาทที่ 34.14 บาท/ดอลลาร์ ทำให้ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน เนื่องจากบริษัทมีหนี้สินเป็นสกุลดอลลาร์ประมาณ 220 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยในปีหน้ามีภาระต้องทยอยชำระคืน 40 ล้านเหรียญสหรัฐ และจะครบกำหนดชำระทั้งหมดในปี 56
แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทมีผลการดำเนินงานที่ดี โดยมีกำไรจากการดำเนินงานช่วง 9 เดือน 12 ล้านบาท และคาดว่า EBITDA สิ้นปี 51 จะอยู่ที่ 2.5 พันล้านบาทสูงกว่าปีก่อน โดยในไตรมาส 4/51 คาดว่าจะมี EBITDA ใกล้เคียงกับไตรมาส 3/51 ที่ 630 ล้านบาท จากครึ่งปีแรกที่ 1.3 พันล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่ดีขึ้นมาก โดยในช่วง 9 เดือนในงบรวมบริษัทมี Net Cash Flow 1,924 ล้านบาทสูงกว่าปีก่อนงวดเดียวกันที่มี 1.2 พันล้านบาท
"ในไตรมาส 3 ถึงเราจะขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน แต่ก็มีกำไรจากการดำเนินงาน Cash Flow เราก็โตค่อนข้างสูง ก็ถือว่าโอเคแล้ว"นายธนฑิต กล่าว
นายธนฑิต กล่าวต่อว่า ในงวด 9 เดือนที่ผ่านมารายได้จากไอพีสตาร์เติบโต 62% และคาดว่าในไตรมาส 4/51 ก็ยังเติบโต 60% จากในไตรมาส 3/51 ที่มีรายได้ 562 ล้านบาท
ทั้งปี 51 คาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมไม่ต่ำกว่า 7.2 พันล้านบาทเติบโตจากเป้าหมายค่อนข้างมาก โดยใน 9 เดือนที่ผ่านมามีรายได้รวมอยู่ที่ 5.3 พันล้านบาท รายได้จากไอพีสตาร์คิดเป็น 30% ของรายได้รวม และคาดว่าในปี 52 รายได้รวมจะเติบโตมากกว่า 10% โดยรายได้หลักจะมาจากไอพีสตาร์ที่จะมีสัดส่วนเพิ่มเป็นประมาณ 50%
ส่วนการลงทุนในปี 52 คาดว่าคงจะใช้งบประมาณ 20 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยจะมีการลงทุนระบบ 3G ต่อเนื่องในกัมพูชา
สำหรับการตัดสินใจลงทุนในดาวเทียมไทยคม 6 นายธนฑิต กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดว่าจะมีความต้องการของลูกค้ามากน้อยแค่ไหน ซึ่งบริษัทคงจะใช้วิธีซื้อหรือเช่าดาวเทียมเข้ามา ซึ่งในไตรมาส 4/51 คาดว่าะจะได้ความชัดเจนมากขึ้นและคาดว่าจะสรุปได้ก่อนกลางปี 52 ขณะที่ไทยคม 1 จะหมดอายุกลางปี 52 เช่นกัน
ด้านนายปฐมภพ สุวรรณศิริ ผู้อำนวยการสำนักการตลาด (ไอพีสตาร์) คาดว่า ในปีนี้จะขายอุปกรณ์ปลายทาง (UT) ไอพีสตาร์ ได้ 7 หมื่นชุด รวมทั้งสิ้น 1.7 แสนชุด และปีหน้าคาดว่าจะมียอดขายไม่ต่ำกว่าปีนี้ เนื่องจากบริษัทได้เปลี่ยนกลยุทธ์ เน้นให้เช่าช่องสัญญาณ หรือ bandwidth มากว่าการขาย UT
ปัจจุบันเปิดให้บริการเช่าใช้ช่องสัญญาณดาวเทียมไอพีสตาร์แล้ว 10 ประเทศ มียอดการใช้ (Utilities) 8% จากปีก่อนที่ 6% และคาดว่าในปีหน้ายอด Utilities จะก้าวกระโดดขึ้นมามากหลังจากบริษัทได้เปิดตลาดอินเดีย ซึ่งเป็นตลาดใหญ่ที่มีความต้องการสูง โดยภายในสิ้นปีจะเปิดตลาดอินเดีย และอินโดนีเซีย และในปีหน้าจะให้บริการที่ญี่ปุ่น ไต้หวัน ซึ่งจะครบ 14 ประเทศ และยังคงคาดว่าไอพีสตาร์จะถึงจุดคุ้มทุนในปี 52
นอกจากนี้ บริษัทยังปรับกลยุทธ์เพิ่มการขายช่องสัญญาณผ่าน 3 กลุ่ม คือ กลุ่มตลาดองค์กรและรัฐบาล มีแนวโน้มจะใช้ bandwidth จำนวนมาก เช่น ตามปั๊มปตท. , ตลาดโทรศัพท์พื้นฐานซึ่งจะเชื่อมต่อไอพีสตาร์ เท่าที่สำรวจตลาดพบว่าในแถบเอเชีย มีจำนวน 1 ล้านหมู่บ้านที่ยังไม่มีโทรศัพท์พื้นฐานเลย หรือสัญญาณโทรศัพท์มือถือ และตลาดที่เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ โดยเฉพาะระบบ 3G ซึ่งต้นทุนในการดำเนินการจะถูกกว่า โดยมีจีนและอินโดฯ เป็นตลาดเป้าหมาย
"ปีหน้าเราจะบุกตลาดองค์กรทั้งในและต่างประเทศ จะทำให้ bandwidth ของเราเติบโตมากขึ้นและยิ่งมีตลาดจากอินเดียก็จะช่วยทำให้ bandwidth เรา jump ขึ้นมาอย่างมาก" นายปฐมภพ กล่าว
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าปีหน้าที่คาดว่าจะมีวิกฤติเศรษฐกิจโลก แต่เชื่อว่าบริษัทจะไม่ได้รับผลกระทบ เพราะตลาดไอพีสตาร์ยังมีความจำเป็นที่จะต้องใช้งานและช่วยทำให้ประหยัดค่าเดินทางได้