ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 442.31 จุด ลดลง 14.13 จุด(-3.10%) มูลค่าการซื้อขาย 8,905 ล้านบาท
การซื้อขายหุ้นวันนี้ ช่วงเช้าดัชนีเคลื่อนกรอบสลับบวกและลบ โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 460.23 จุด จากนั้นดัชนีเคลื่อนไหวในแดนลบตลอดช่วงบ่าย โดยดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ปิดตลาด คือ 442.31 จุด
ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 62 หลักทรัพย์ ลดลง 264 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 83 หลักทรัพย์
น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย)กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามภูมิภาคเพราะหลายตลาดกังวลเรื่องของตัวเลขเศรษฐกิจที่แย่ลงและตัวเลขส่งออกของเกาหลื 10 วันแรกของเดือนพ.ย.ที่ลดลงไปถึง 26% ทำให้ sentiment ในกลุ่มส่งออกย่ำแย่ทั้งในตลาดเกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน และกลุ่มการเงินก็ถูกขายลงมา เพราะกังวลว่าจะมีหนี้เสียเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ดอยช์ แบงก์ได้ปรับลดแนวโน้มมูลค่าหุ้นของเจเนอรัล มอเตอร์(จีเอ็ม)มาอยู่ที่ระดับ 0 ข่าวร้ายในกลุ่มยานยนต์ก็เป็นตัวฉุดนิกเคอิเช่นกันเพราะภาวะเศรษฐกิจแบบนี้ก็ทำให้ความต้องการซื้อรถยนต์ลดลง ส่งผลกระทบต่อผู้ผลิตต่างๆ ที่จะทำให้ยอดส่งออกชิ้นส่วนฯก็จะอ่อนตัวลงตามไปด้วยจึงกระทบกันไปทั้งภูมิภาค
ทิศทางพรุ่งนี้ต้องรอดูจะมีเหตุการณ์หรือข่าวลบอะไรเกิดขึ้นอีกหรือไม่ และยังต้องจับตาคืนนี้ตัวเลขเศรษฐกิจและผลประกอบการของบริษัทในสหรัฐและในตลาดโลก ราคาน้ำมัน ต้องตามข่าวอย่างใกล้ชิด เพราะตลาดยังแกว่งมาก ช่วงเช้ากับบ่ายบางทีคนละเรื่องเดียวกัน แนวรับเก็งกำไรแนวแรกที่ 444 จุด ถ้ารับอยู่ก็จะรีบาวน์กลับขึ้นไปได้ที่ 460-470 จุดแต่ถ้ารับไม่อยู่ก็อาจจะลงมา test ที่ 420 ซึ่งเป็นแนวรับถัดไป
ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่
PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 1,192.49 ล้านบาท ปิดที่ 96.00 บาท ลดลง 5.00 บาท
BANPU มูลค่าการซื้อขาย 1,114.65 ล้านบาท ปิดที่ 206.00 บาท ลดลง 16.00 บาท
PTT มูลค่าการซื้อขาย 1,085.34 ล้านบาท ปิดที่ 171.00 บาท ลดลง 9.00 บาท
TTA มูลค่าการซื้อขาย 528.01 ล้านบาท ปิดที่ 13.90 บาท ลดลง 1.40 บาท
ITD มูลค่าการซื้อขาย 302.33 ล้านบาท ปิดที่ 2.54 บาท ลดลง 0.08 บาท