นายโสภณ ซารัมย์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ในฐานะที่ตนเองรับผิดชอบดูแล บมจ.ท่าอากาศยานไทย(AOT) หรือ ทอท. ว่าได้ให้ ทอท.เร่งแก้ไขปัญหาที่คั่งค้างอยู่ เช่น ปัญหาข้อพิพาทกับบริษัท คิงเพาเวอร์ ดิวตี้ฟรี จำกัด และบริษัท คิงเพาเวอร์สุวรรณภูมิ จำกัด ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทที่ปรึกษายืนยันว่าสัญญาร้านค้าปลอดอากรและสัญญากิจกรรมเชิงพาณิชย์ มีมูลค่าการลงทุนไม่เกิน 1 พันล้านบาท จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินการตามขั้นตอนของ พ.ร.บ.ว่าด้วยการให้เอกชนเข้าร่วมงานและดำเนินการในกิจการของรัฐ พ.ศ.2535
"กระทรวงคมนาคมไม่มีนโยบายค้าความ เพราะไม่มีประโยชน์ โดย ทอท.ต้องเร่งเจรจากับคิงเพาเวอร์เพื่อเรียกค่าตอบแทนเพิ่ม จากการที่คิงเพาเวอร์ใช้พื้นที่เกินจากสัญญา โดยที่ภาครัฐต้องไม่ได้รับความเสียหาย ซึ่งคาดจะได้ข้อสรุปเร็วๆนี้" นายโสภณ กล่าว
นอกจากนั้น ยังเร่งรัดให้ ทอท.ดำเนินโครงการขยายท่าอากาศยานสุวรรณภูมิระยะที่ 2 เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการของท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยปัจจุบันเริ่มจะแออัด ซึ่งสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) อยู่ระหว่างการพิจารณารายละเอียดโครงการ
โดยในสัปดาห์นี้จะมีการหารือร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาที่ติดขัด ก่อนจะเสนอให้ ครม.พิจารณาอนุมัติโดยเร็ว ยืนยันว่า ทอท.ไม่มีปัญหาเรื่องเงินลงทุน แม้โครงการนี้จะใช้งบประมาณถึง 7.7 หมื่นล้านบาทก็ตาม
ส่วนการใช้ประโยชน์จากท่าอากาศยานดอนเมืองนั้น เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจการตัดสินใจของตนเอง ต้องนำไปหารือกับ รมว.คมนาคม และนายกรัฐมนตรีเพื่อกำหนดนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไรกับทรัพย์สินที่มีอยู่ โดยในเบื้องต้นเห็นว่าประเทศไทยควรมีท่าอากาศยานหลักเพียงแห่งเดียวหรือ SINGLE AIRPORT
"ผมยังกำชับให้ผู้บริหาร ทอท.เร่งแก้ไขปัญหาต่างๆ ในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยเฉพาะปัญหารถแท็กซี่ซึ่งได้รับการร้องเรียนมาก โดยผู้บริหารต้องจัดระเบียบหรือปรับระบบการให้บริการ และกวดขันทั้งรถและคน สิ่งที่ไม่ถูกต้องก็ต้องดูว่าทำให้สังคมเดือดร้อนหรือเปล่า และต้องทำให้ถูกกฎหมายด้วย เพราะท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเป็นประตูของประเทศ ต้องทำให้คนที่เดินทางเข้ามาเกิดความประทับใจ" นายโสภณ กล่าว