ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 170 จุดเมื่อคืนนี้ (11 พ.ย.) หลังจากมีข่าวว่าบริษัทหลายแห่งได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจและตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ทรุดตัวลง รวมถึงบริษัทก่อสร้างบ้าน บริษัทผลิตรถยนต์ และร้านกาแฟชื่อดังอย่างสตาร์บัคส์
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 176.58 จุด หรือ 1.99% ปิดที่ 8,693.96 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 20.26 จุด หรือ 2.20% ปิดที่ 898.95 จุด และ ดัชนี Nasdaq รูดลง 35.84 จุด หรือ 2.22% ปิดที่ 1,580.90 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.23 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.93 พันล้านหุ้น
จิม เฮอร์ริค นกัวิเคราะห์จาก Baird & Co ตลาดหุ้นนิวยอร์กถูกปกคลุมด้วยความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย และบริษัทหลายแห่งได้รับผลกระทบจากตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ทรุดตัวลง รวมถึงร้านกาแฟชื่อดังระดับโลกอย่าง สตาร์บัคส์ โดยนายโฮเวิร์ด ชูลท์ซ ซีอีโอบริษัท สตาร์บัคส์ ล้มเลิกความหวังที่จะขยายสาขาเพิ่มเติมรวมเป็น 40,000 สาขา หลังผลกำไรของบริษัทร่วงหนักถึง 96% ในไตรมาสสี่
ยอดขายของร้านสตาร์บัคส์ในสหรัฐที่เปิดทำการอย่างน้อย 13 เดือน ลดเกินคาดกว่า 8% เนื่องจากผู้บริโภคต้องลดค่าใช้จ่ายเพื่อรับมือกับราคาน้ำมันและค่าครองชีพที่สูงขึ้น สถานการณ์ที่เกิดขึ้นแสดงให้เห็นชัดเจนว่าสตาร์บัคส์ต้องให้ความสำคัญกับการทำกำไรมากกว่าการขยายสาขา
นอกจากนี้ ภาวะการซื้อขายเป็นไปด้วยความตื่นตระหนกเมื่อมีรายงานว่า บริษัทเจนเนอรัล มอเตอร์ส (จีเอ็ม) ค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของสหรัฐเตรียมลดจำนวนพนักงาน 3,600 ราย หลังจากบริษัทรายงานยอดขายในสหรัฐที่ซบเซา ขณะที่นักวิเคราะห์จากคาดการณ์ว่า มีเพียงรัฐบาลเท่านั้นที่จะสามารถช่วยให้จีเอ็มรอดพ้นจากภาวะล้มละลายได้ เพราะมองว่าการปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อป้องกันภาวะล้มละลายนั้นอาจไม่มีทางเป็นไปได้ เนื่องจากวิกฤตสินเชื่อได้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของจีเอ็มอย่างรุนแรง
ร็อด แลช นักวิเคราะห์ของดอยช์แบงค์กล่าวว่า "ดอยช์แบงค์ได้ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นจีเอ็ม และเชื่อว่าหุ้นจีเอ็มอาจกลายเป็นหุ้นที่ไม่มีมูลค่าในรอบปีนี้ แม้ท้ายที่สุดแล้วจีเอ็มสามารถหลีกเลี่ยงการล้มละลาย แต่เราเชื่อว่าเส้นทางในอนาคตของจีเอ็มก็ไม่ต่างอะไรจากบริษัทที่ล้มละลายแล้ว ด้วยเหตุนี้เราจึงแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นจีเอ็ม พร้อมกับปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นจีเอ็มลงสู่ระดับศูนย์"
ทั้งนี้ หุ้นจีเอ็มร่วงลง 13.1% ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกัน 5 วัน ขณะที่หุ้นสตาร์บัคส์ร่วงลง 2% หุ้น 3M ดิ่งลง 4%
ส่วนหุ้นอัลโคดิ่งลง 7% หลังบริษัทปรับลดกำลังการผลิตอะลูมินั่มลง 350,000 ตันทั่วโลก เนื่องจากความต้องการอลูมินั่มทั่วโลกลดลง ขณะที่หุ้นกูเกิลร่วงลง 2.3% หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดเป้าหมายราคาหุ้นและลดคาดการณ์รายได้ในไตรมาส 4 ของกูเกิล
หุ้นอเมริกัน เอ็กซ์เพรส (เอเม็กซ์) ดิ่งลง 6.6% หลังจากธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้อนุมัติคำขอของ(เอเม็กซ์) ในการเปลี่ยนสถานะจากบริษัทบัตรเครดิตยักษ์ใหญ่เป็นบริษัทโฮลดิ้งธนาคาร
ทั้งนี้ เอเม็กซ์ประกาศปลดพนักงาน 7,000 ตำแหน่ง หรือเกือบ 10% ของจำนวนพนักงานทั่วโลก หลังจากที่บริษัทรายงานผลกำไรไตรมาสสามร่วงลง 24% ในเดือนก่อน