โบรกฯ แนะ"ซื้อ" BEC มองปี 51 ยังทำกำไรได้ดี -ปี 52 รับผลกระทบไม่หนัก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday November 12, 2008 11:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) หลังจากผลประกอบการไตรมาส 3/51 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ กำไรโต 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ไตรมาส 4/51 อาจชะลอตัวลงตามเม็ดเงินโฆษณา แต่บางโบรกฯยังมองว่ารายได้จากโฆษณาจะดีขึ้น ทั้งปี 51 กำไรยังดี สวนทางคู่แข่ง แต่ปี 52 กำไรอาจกระทบบ้างจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และอาจมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาอีก 5% แต่สื่อโฆษณาทางทีวีจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าสื่ออื่น

จุดเด่นของ BEC มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง จึงไม่น่ากังวล และเตรียมพร้อมรับมือคู่แข่งใหม่ที่เข้ามาในตลาดคือเคเบิลทีวีที่กม.อนุญาตให้มีโฆษณาได้ ประกอบกับราคาหุ้นอ่อนตัวตามภาวะตลาด จึงแนะนำเก็บหุ้นตอนราคาอ่อนตัว

ราคาหุ้น BEC ขณะนี้เคลื่อนไหวที่ระดับ 18.10 บาท ลดลง 0.40 บาท (-2.16%) เป็นไปตามภาวะตลาดโดยรวมที่ปรับตัวลงมา

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          บล.ธนชาต            ซื้อ                29.00
          บล.กิมเอ็ง            ซื้อ                27.50
          บล.เอเซียพลัส         ซื้อ                26.15
          บล.สินเอเซีย          ทยอยสะสม          25.23
          สถาบันวิจัยนครหลวงไทย  ซื้อ                23.00
          บล.เคทีบี             ซื้อ                22.80

น.ส.สุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี มองว่า แนวโน้มผลประกอบการของ BEC ในปีนี้ทรงตัว แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว งบสื่อโฆษณาลดลง แต่งบโฆษณาทีวียังลดลงค่อนข้างน้อย จะเห็นได้ว่าช่วงไพร์มไทม์ ช่อง 3 ก็ยังโฆษณาเต็มอยู่ และที่ผ่านมาทางช่อง 7 ได้ปรับขึ้นราคาค่าโฆษณาทางอ้อม ด้วยการตัดส่วนลด ในขณะที่ ช่อง 3 กำลังพิจารณาจะปรับขึ้นค่าโฆษณาราว 5% ก็ต้องรอดูภาวะศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและธุรกิจของบริษัทน่าจะผ่านไปได้ในปีหน้าที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี โดยพิจารณาจากผลการดำเนินการในไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นช่วงไลว์ซีซั่น กำไรลดลงเพียง 2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนในงวดเดียวกัน แม้จะลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน

"ปีหน้าต้องขึ้นอยู่ว่าเขาจะขึ้นค่าโฆษณาอีก 5% หรือเปล่า ซึ่งโอกาสก็ 50/50 โดยตัวที่หนุนคือช่อง 7 ที่ปรับขึ้นค่าโฆษณาไปแล้ว ส่วนตัวที่ลบคือเรื่องเศรษฐกิจโดยรวมที่จะกระทบต่องบโฆษณา...โดยปัจจัยพื้นฐานบริษัท ก็ยังแนะนำให้ซื้ออยู่" น.ส.สุภากร กล่าว

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส มองในเชิงเทคนิคหุ้น BEC ราคาอ่อนตัวลง แนวรับช่วงสั้นอยู่ที่ 18 บาท แต่หากราคาหลุดจาก 17 บาท ให้รอซื้อที่ระดับราคา 16.00-16.80 บาท

"ตลาดหุ้นไม่ค่อยดี และเม็ดเงินโฆษณาจะลดลง แต่ BEC เป็นบริษัทที่มีฐานะแข็งแกร่ง ก็รอให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"นายภูวดล กล่าว

ทั้งนี้ BEC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/51 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนในงวดเดียวกัน เป็น 735 ล้านบาท จากการที่อัตราการใช้เวลาโฆษณา(Utilisation)ทางช่อง 3 เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงละครหลังข่าว ซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 50% ของรายได้โฆษณารวม

ขณะที่ค่าโฆษณาก็สูงกว่าปีที่ผ่านมาหลังจากที่มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาในช่วงละครหลังข่าวมาตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งปรับค่าโฆษณาช่วงนอกไพร์มไทม์หลายรายการ และละครช่วงเย็นในวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ส่งผลให้รายได้ค่าโฆษณาเติบโต 15% จากปีก่อน สวนทางกับอุตสาหกรรมโทรทัศน์ที่หดตัวลง 8.8% จากปีก่อน

ขณะที่ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ปรับประมาณการกำไรปกติของ BEC ในปีนี้ขึ้นอีก 4% เป็น 2,736 ล้านบาท (1.37 บาท/หุ้น)เติบโต 23% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 4/51 มีแนวโน้มอ่อนลงจากไตรมาส 3/51 ตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณาที่ชะลอตัว แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/50 แล้วยังคาดว่ากำไรยังมีการเติบโต

สำหรับปี 52 ปรับลดคาดการณ์กำไรลงเล็กน้อย เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอการเติบโต รวมทั้งการตัดงบโฆษณาของบางบริษัทข้ามชาติ เนื่องจากวิกฤติการเงินโลก จากสมมติฐานว่าไม่มีการปรับขึ้นค่าโฆษณา ประเมินกำไรปี 52 ที่ 2,833 ล้านบาท(1.42 บาท/หุ้น)เพิ่มขึ้น 4% โดยสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยสัดส่วนประมาณ 57% ของอุตสาหกรรมโฆษณา ขณะที่ช่อง 3 คาดว่าจะยังคงเป็นสถานีที่ได้รับการจัดสรรเม็ดเงินโฆษณาหลักๆ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสถานีที่ได้รับความนิยมสูง

"จากการปรับลดประมาณการปีหน้าทำให้ราคาที่เหมาะสมของหุ้นซึ่งประเมินด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดลดลงจาก 28.50 บาทเป็น 27.50 บาท เรายังแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก BEC มีรายได้ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ อัตรากำไรสูงถึง 30% เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนที่ค่อนข้างคงที่ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) 38% และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยการมีเงินสดสุทธิ โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 6-7%" บทวิเคราะห์ระบุ

ส่วนสถาบันวิจ้ยนครหลวงไทย(SCRI)มองว่า BEC เป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินและมีเงินสดในมือมาก ขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณาโทรทัศน์ยังคงมีความต้องการอยู่ แม้ว่าจะการอนุญาตให้เคเบิลทีวีโฆษณาได้ แต่ BEC สามารถรับมือกับการแข่งขันและมีความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต หลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ควบคู่กับ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากการโฆษณาของเคเบิลทีวี

แม้ว่างบโฆษณาโทรทัศน์ของปี 51 จะปรับลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี โดยลดลง 4% จากปีก่อน ในงวด 10 เดือนที่ผ่านมา แต่สำหรับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กลับมีรายได้โฆษณาที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทุกไตรมาส สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อเวลาโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ยังคงมีอยู่แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง

SCRI คาดว่า อัตราการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาในไตรมาส 4/51 จะได้รับอานิสงค์ของฤดูกาลมาสนับสนุนให้รายได้โฆษณาจะเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ