สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 411.30 จุด หรือ 4.73% ปิดที่ 8,282.66 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลดลง 46.65 จุด หรือ 5.19% แตะที่ 852.30 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 81.69 จุด หรือ 5.17% แตะระดับ 1,499.21 จุด ซึ่งเป็นระดับปิดต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ค.ปี 2546
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.46 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 12 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 2.20 พันล้านหุ้น
แอนโทนี ชูทซ์ นักวิเคราะห์จาก Burnham Financial Services Fund กล่าวว่า นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงินเนื่องจากความไม่แน่นอนของมาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากรมว.พอลสันกล่าวว่า รัฐบาลจะยังไม่ใช้งบประมาณจากมาตรการดังกล่าวเข้าซื้อหนี้เสียจากธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆตามที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ ซึ่งข่าวดังกล่าวสร้างความผิดหวังให้กับนักลงทุนที่หวังจะเห็นระบบการธนาคารของสหรัฐได้รับการแก้ไขอย่างถูกจุด
ในช่วงต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ หรือ สภาคองเกรส ลงมติอนุมัติร่างกฎหมายฟื้นฟูภาคการเงินฉบับปรับปรุงใหม่วงเงิน 7 แสนล้านดอลลาร์ ด้วยคะแนนเสียง 263 ต่อ 171 เสียง โดยร่างกฎหมายฉบับใหม่ที่ได้รับการแก้ไขแล้วนี้ได้มีการเพิ่มเติมเนื้อหาบางส่วน ซึ่งรวมถึงการเพิ่มค้ำประกันวงเงินฝากธนาคารที่ได้รับการค้ำประกันโดยบรรษัทประกันเงินฝากแห่งสหรัฐ (FDIC) จากเดิมที่ 100,000 ดอลลาร์ เป็น 250,000 ดอลลาร์ และจัดสรรงบประมาณเพื่อใช้ในมาตรการลดหย่อนภาษีมูลค่า 1.49 แสนล้านดอลลาร์ เพื่อช่วยเหลือประชาชนทั่วไป
"นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากข่าวที่ว่า บริษัทเมซีส์เปิดเผยยอดขายที่ร่วงลงเกินคาด และมอร์แกน สแตนเลย์ ที่เตรียมปรับลดจำนวนพนักงานลงอีก 10%" ชูทส์กล่าว
หุ้นแอปเปิล อิงค์ ร่วง 4.9% ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ฉุดดัชนี Nasdaq ลงมากที่สุด ขณะที่หุ้นอินเทลปิดลบ 7.2%
อย่างไรก็ตาม หุ้นเจนเนอรัล มอเตอร์ (จีเอ็ม) ปิดบวก 5.5% เนื่องจากนักลงทุนคาดหวังว่าบริษัทจะได้รับความช่วยเหลือทางการเงินจากรัฐบาล หลังจากมีรายงานข่าวว่าจีเอ็ม ฟอร์ด และไครสเลอร์กำลังขอเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากรัฐบาลมูลค่า 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์
กลุ่มพลังงานร่วงลงหลังจากราคาน้ำมันดิบตลาด NYMEX ร่วงลงกว่า 3 ดอลลาร์ ภายหลังจากทางการสหรัฐปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของอุปสงค์พลังงานทั่วโลก โดยหุ้นเชฟรอนปิดร่วง 8.5% และหุ้นเอ็กซอนปิดลบ 5.1%
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงาน ส่วนในวันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.,กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค.และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนพ.ย.