ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (12 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ หลังจากราคาน้ำมันดิบและราคาโลหะร่วงลงอย่างต่อเนื่อง โดยหุ้นยูโรเซียน เนเชอรัล รีซอสเซส ดิ่งลงอย่างหนัก หลังจากบริษัทปรับลดการใช้จ่าย
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 64.67 จุด แตะที่ 4,182.02 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,134.51-4,333.37 จุด
โจชัว เรย์มอนด์ นักวิเคราะห์จากบริษัท City Index ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า หุ้นกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ร่วงลงอย่างหนัก หลังจากราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกร่วงลง 3.17 ดอลลาร์ หรือ 5.34% แตะที่ 56.16 ดอลลาร์/บาร์เรล และราคาทองคำดิ่งลง 14.50 ดอลลาร์ แตะที่ 718.30 ดอลลาร์/ออนซ์ในการซื้อขายเมื่อคืนนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลที่ว่าเศรษฐกิจโลกที่มีแนวโน้มถดถอยจะทำให้ความต้องการพลังงานและโลหะมีค่าลดลงด้วย
หุ้นยูโรเซียน เนเชอรัล รีซอสเซส ดิ่งลง 6.9% หลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์การใช้จ่ายในปีพ.ศ.2551 ลงต่ำกว่าระดับ 1.7 พันล้านดอลลาร์ เนื่องจากความต้องการวัตถุดิบจำพวกโลหะในตลาดโลกปรับตัวลดลง ขณะที่หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน ดิ่งลง 6.9% หุ้นริโอทินโต ร่วงลง 1.8% และหุ้นเวแดนตา ร่วงลง 8.8%
ธนาคารกลางอังกฤษส่งสัญญาณว่าอาจต้องลดดอกเบี้ยอีก โดยระบุว่าการลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องจำเป็นและหากไม่มีการลดดอกเบี้ยลงอีก เศรษฐกิจอังกฤษอาจจะหดตัวลงเกือบตลอดทั้งปีหน้า และอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวต่ำกว่าระดับ 1% ซึ่งเป็นอัตราขั้นต่ำที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้
หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นผลมาจากความกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยหุ้นธนาคารบาร์เคลย์ส ร่วงลง 2.4% หุ้นสแตนดาร์ด ชาร์เตอร์ด ร่วงลง 5.7% และหุ้น HBOS ดิ่งลง 7.5%