AP เผยมี Backlog มูลค่ากว่า 1.59 หมื่นลบ. ทยอยรับรู้ต่อเนื่อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 13, 2008 12:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) มากถึง 15,898 ล้านบาท โดยในจำนวนดังกล่าว 3,547 ล้านบาทเป็นการรอรับรู้รายได้จากสินค้าประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์

ในระยะอันใกล้นี้บริษัทฯ มีแผนเตรียมรับรู้รายได้จากการโอนกรรมสิทธิ์สินค้าประเภทคอนโดมิเนียม จำนวน 3 โครงการ คือ โครงการ Life@รัชดา มูลค่าโครงการ 1,040 ล้านบาท ประมาณเดือนธันวาคม 51, โครงการ Life @ พหล-อารีย์ มูลค่าโครงการ 950 ล้านบาท ในไตรมาส 1/52 และ The Address ชิดลม มูลค่าโครงการ 3,750 ล้านบาท ประมาณไตรมาส 2/52

นายอนุพงษ์ กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/51 บริษัทมีกำไรสุทธิ 452.5 ล้านบาท หรือกำไรสุทธิต่อหุ้น 0.19 บาท เพิ่มขึ้น 85.3% หากเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน ยอดกำไรสุทธิสะสมรวม 9 เดือนของปี 51 มีกำไรสุทธิมากถึง 1,100 ล้านบาท ถือเป็นอัตราที่สูงกว่ากำไรสุทธิทั้งปีของปี 50 ที่มีจำนวน 899 ล้านบาท

ด้านรายได้รวมยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดย ณ ไตรมาส 3/51 เท่ากับ 2,731 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.7 % เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน โดยรายได้รวมครึ่งหนึ่งเป็นผลมาจากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการ Life @ BTS ท่าพระ คิดเป็น 24% ของรายได้รวมทั้งหมด และหากดูตัวเลขรายได้รวมของ 9 เดือนที่ผ่านมา พบว่าบริษัทฯ มีอัตราการเติบโตที่เพิ่มขึ้นสูงถึง 34.2% หรือเท่ากับ 6,620 ล้านบาท ด้านอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อยู่ที่ 34.3% เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนที่ได้ 33.4% ซึ่งหากดูตัวเลขอัตรากำไรขั้นต้นจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ใน 9 เดือนผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างอัตรากำไรขั้นสูงได้สูงถึง 35.9% หากเทียบกับอัตรากำไรขั้นต้นของปีที่แล้วที่ได้ 32.9%

สำหรับ 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายรวมได้จำนวน 8,600 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายที่เกิดขึ้นจากสินค้าประเภททาวน์เฮ้าส์และบ้านเดี่ยว คิดเป็นมูลค่า 4,900 ล้านบาท และคอนโดมิเนียมมูลค่า 3,700 ล้านบาท ซึ่งในปีนี้บริษัทฯ ได้เปิดตัวโครงการใหม่ไปแล้ว รวมทั้งสิ้น 10 โครงการ โดยแบ่งเป็นคอนโดมิเนียม จำนวน 2 โครงการ บ้านเดี่ยว จำนวน 2 โครงการ และทาวน์เฮ้าส์ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้นประมาณ 9,500 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ