(เพิ่มเติม) SGP คาดปี 52 รายได้โตกว่า 15% เหตุมีธุรกิจเอทานอล-ธุรกิจในเวียดนามหนุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 13, 2008 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมีคัลส์ (SGP)คาดว่าในปี 52 รายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างน้อย 15% หลังจากรัฐบาลได้ปรับขึ้นราคาก๊าซหุงต้ม(LPG)ที่จำหน่ายให้กับผู้ใช้ในภาคขนส่ง พร้อมกันนั้นบริษัทยังจะมีรายได้จากธุรกิจเอทานอลและการขยายธุรกิจก๊าซ LPG ไปยังเวียดนามที่จะเริ่มในไตรมาส 1/51 เข้ามาสนับสนุน โดยบริษัทได้เตรียมเงินลงทุนในเบื้องต้นไว้ 600 ล้านบาท จะใช้ลงทุนในเวียดนามราว 400 ล้านบาท ส่วนอีก 200 ล้านบาทจะใช้ขยายปั๊มก๊าซ LPG เพิ่มขึ้นอีก 20 แห่ง

"ฝ่ายขายตั้งยอดขาย LPG ตั้งเป้าโต 15% แต่ใจผมคิดว่าต้องมากกว่านี้ และปีหน้าเรายังมีรายได้จากเอทานอลอีกประมาณ 600 ล้านบาท และ ธุรกิจในเวียดนามที่เราขยายเข้าไปคิดว่าน่าเริ่มมัรายได้ในครึ่งปีแรก ทั้งปีรายได้ก็น่าจะตก 1 พันกว่าล้านบาท" นายศุภชัย วีรบวรพงศ์ กรรมการผู้จัดการ SGP กล่าว

อย่างไรก็ตาม ภาวะเศรษฐกิจในปีหน้าแม้คาดว่าจะชะลอตัวแต่เชื่อว่ายอดจำหน่ายก๊าซ LPG ในภาคครัวเรือนจะไม่กระทบ โดยจะกระทบกับส่วนการภาคขนส่งและอุตสาหกรรมมากกว่า แต่ดูภาพรวมยังน่าจะไปได้ดี เพราะเชื่อว่ราคาน้ำมันยังมีความผันผวน และยังไม่มีสัญญาณว่าจะมีโรงงานปิดตัวในขณะนี้

นายศุภชัย กล่าวว่า การขยายการลงทุนธุรกิจก๊าซ LPG ในเวียดนามจะช่วยให้บริษัทก้าวต่อไปสู่ตลาดกัมพูชาได้ต่อเนื่อง ส่วนแผนขยายปั๊มก๊าซ LPG จะขยายให้ครบทุกจังหวัด หรือกว่า 70 จังหวัด ภายใน 3 ปี จะเน้นเปิดปั๊มในจังหวัดที่มีปริมาณใช้สูง เช่น ชลบุรี พัทยา และ ภูเก็ต ส่วนธุรกิจเอทานอลจะเริ่มผลิตในเดือน ม.ค. 51 กำลังการผลิต 1 แสนลิตร/วัน

ส่วนในปี 51 คาดว่าบริษัทจะทำรายได้ราว 2.2-2.3 หมื่นล้านบาท หรือ เติบโต 30% สูงกว่าเป้าหมายที่วางไว้ในเบื้องต้นว่าจะทำรายได้ 2 หมื่นล้านบาท หรือโต 20% จากปีก่อนที่มีรายได้ 1.5 หมื่นล้านบาท เนื่องจากยอดขายเพิ่มขึ้นในทุกกลุ่มผู้ใช้ โดยคาดว่าในงวดครึ่งปีหลังจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้สูงกว่าที่จ่ายไปในครึ่งปีแรก 0.15 บาท/หุ้น

และคาดว่า ในไตรมาส 4/51 ทั้งรายได้และกำไรจะสูงกว่าไตรมาส 3/51 ที่มีรายได้ 5.58 พันล้านบาท และกำไรสุทธิ 361 ล้านบาท

สำหรับกรณีที่ภาครัฐอนุมัติให้มีการปรับราคาก๊าซหุงต้ม(LPG)ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมขึ้นอีก 6 บาท/กก.ทยอยปรับขึ้นแบบขั้นบันไดเดือนละ 2 บาทเป็นเวลา 3 เดือน(ธ.ค.51-ก.พ.52) นายศุภชัย คาดว่า จะช่วยเพิ่มรายได้ของบริษัท และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่ก๊าซ LPG ที่นำไปใช้ในภาคขนส่งและอุตสาหกรรมมีกำไรชั้นต้น 15-17% ส่วนภาคครัวเรือนมีกำไรขั้นต้น 10%

ทั้งนี้ สัดส่วนยอดขายก๊าซ LPG ในภาคขนส่งสูงถึง 40% ของยอดขายรวมโดยปีนี้มี 1.2 ล้านตัน ซึ่ง SGP เป็นผู้นำตลาดส่วนนี้ โดยมีส่วนแบ่งตลาด 49.8%

สำหรับการศึกษาแผนธุรกิจการลงทุนเหมืองถ่านหินในประเทศอินโดนีเซียนั้น คาดว่าจะต้องใช้เงินลงทุนอย่างน้อย 2 พันล้านบาท โดยมองว่าจะได้สัมปทานเหมืองระยะเวลา 30 ปี แต่คาดว่าในปีหน้าอาจจะยังไม่สามารถสรุปดีลได้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ