บมจ.ไทยออพติคอล กรุ๊ป(TOG)เชื่อว่ากำไรสุทธิในปี 51 จะเติบโตได้ตามเป้า 10% จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 135.05 ล้านบาท และรายได้จะเพิ่มได้ 10% เป็น 1.5 พันล้านบาท จากปีก่อนที่มี 1.35 พันล้านบาท เนื่องจากตลาดแว่นตาในต่างประเทศเติบโตดีมาก โดยบริษัทส่งออก 95% ไปยังตลาดยุโรปเป็นหลัก ที่เหลือ 5% ขายในประเทศ
พร้อมกันนั้น ยังคาดว่าบริษัทน่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากกว่าปี 50 ที่จ่ายในอัตรา 0.20 บาท/หุ้น โดยในปีนี้บริษัทได้จ่ายปันผลระหว่างกาลไปแล้ว 0.10 บาท/หุ้น
ทั้งนี้ ในงวด 9 เดือนปี 51 บริษัทมีรายได้ 1.07 พันล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 101.34 ล้านบาท
ส่วนในปี 52 ตั้งเป้ารายได้เติบโตต่อเนื่องอีก 10% และจะรักษาอัตรากำไรขั้นต้นให้ได้ใกล้เคียงปี 51 ที่อยู่ระดับ 25% โดยจะเน้นขายสินค้าพรีเมียม ที่จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 50% จากปีนี้มีสัดส่วน 45% รวมทั้งขายสินค้าที่เป็น Niche Market ด้วยซึ่งมีการแข่งขันน้อยกว่าสินค้าอื่น เพื่อรองรับกับภาวะวิกฤติเศรษฐกิจโลก
"เรามองว่าปีหน้ายังเติบโตได้อยู่ สินค้าแว่นตายังมีความจำเป็นใช้ จำนวนคนที่เพิ่มขึ้น แต่ก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจ แต่ก็คงไม่มากมาย ตอนนี้เรารอออเดอร์จากต่างประเทศที่แน่นอนอีกครั้งในเดือนธันวาคมก็จะรู้ว่าเป็นอย่างไรในปีหน้า" นายสว่าง ประจักษ์ธรรม กรรมการผู้จัดการ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"
อย่างไรก็ดี บริษัทก็ยอมรับว่าคงหนีไม่พ้นที่จะรับผลกระทบจากวิกฤติเศรษฐกิจโลกแน่ แต่ยังไม่รู้จะมีผลมากน้อยแค่ไหน โดยคาดว่าสินค้าปกติทั่วไปจะได้รับผลกระทบ ซึ่งมีอัตรากำไรขั้นต้นประมาณ 15-20% แต่เชื่อว่าจะมีกำไรจากสินค้าพรีเมียมที่มาร์จิ้นสูง ซึ่งบริษัทพยายามเพิ่มสัดส่วนสินค้าพรีเมียมมาตลอด
ทั้งนี้ บริษัทพยายามกระจายความเสี่ยง โดยที่สินค้าของบริษัทจะค่อนข้างหลากหลาย ทั้งระดับทั่วไป ระดับกลางและพรีเมียบ รวมทั้งกลุ่มลูกค้าก็มีคละหลายกลุ่ม ทั้งประเทศเล็ก ประเทศใหญ่
นอกจากนั้น ล่าสุด บริษัทได้ขยายกำลังการผลิตเพิ่มขึ้นอีก โดยตั้งงบลงทุน 75 ล้านบาท มาจากเงินทุนบริษัท เพื่อสร้างโรงงานใหม่ คาดว่าจะแล้วเสร็จในไตรมาส 2/52 ซึ่งจะรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งปีหลังของปี 52
"เราคาดว่า ยอดความต้องการของลูกค้ายังเพิ่มขึ้นในปีหน้าจากลูกค้าที่เราร่วมพัฒนาผลิตภัณฑ์กับเขาอยู่ ซึ่งเราพัฒนาจบสิ้นแล้วและนำเสนอสินค้าตัวนี้สู่ตลาดแล้ว" นายสว่าง กล่าว
เมื่อกลางปีทีผ่านมา TOG ได้ Specsavers Asia Pacific Holdings Limited เข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่ เข้าถือบริษัท 25% โดย Specsavers เป็นเจ้าของร้านค้าปลีก สินค้าแว่นตาที่มีสาขากระจายอยู่ 1 พันกว่าร้าน
นายสว่าง กล่าวว่า บริษัทไม่มีนโยบายหาพันธมิตรมาเพิ่มเติมอีก เพราะเห็นว่ามี Specsavers รายเดียวก็พอแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นบริษัทในกลุ่มสินค้าแว่นตาที่ใหญ่ที่สุดในอังกฤษ และใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของโลก ซึ่งช่วยรองรับตลาดในต่างประเทศได้
ขณะเดียวกันบริษัทรักษาสถานะการเงิน ถือเงินสดไว้พอสมควร เพื่อนำไปใช้ลงทุนในโครงการอื่นเพิ่ม ขณะที่บริษัทเองก็ไม่มีหนี้สิน
"เราไม่ห่วงสภาพคล่อง แต่เรารอโอกาสที่ดีในการลงทุนอยู่" นายสว่าง กล่าวในที่สุด
ราคาหุ้น TOG เคลื่อนไหวที่ 2.84 บาท ลดลง 0.06 บาท (-2.07%) ปรับลงตามภาวะตลาดรวม