นายไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ บมจ. จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ (GRAMMY) เปิดเผยถึงผลประกอบการไตรมาส 3/51 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,139.1 ล้านบาท เติบโต 22% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 1,759.1 ล้านบาท ด้านกำไรสุทธิอยู่ที่143.7 ล้านบาท เติบโต 3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 140.2 ล้านบาท
ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนแรก บริษัทฯ มีรายได้รวม 5,829.3 ล้านบาท เติบโต 13 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวม 5,152.3 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 456.5 ล้านบาท เติบโตประมาณ 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 318.3 ล้านบาท
ธุรกิจที่ทำให้รายได้เติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ ธุรกิจเพลงมีรายได้ 1,002 ล้านบาท เติบโต 18 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้จากการจำหน่ายสินค้าเพลงและค่าลิขสิทธิ์ รายได้จากการบริหารศิลปิน ตลอดจนรายได้จากกลุ่มคอนเสิร์ต เพราะมีการเปิดแสดงหลายคอนเสิร์ตใหญ่ ได้แก่ คอนเสิร์ตแบบเบิร์ด เบิร์ด, คอนเสิร์ตบอดี้ สแลม, คอนเสิร์ตเป๊ก-อ๊อฟ-ไอซ์
และรายได้จากกลุ่มดิจิตอล เพราะมีการจับมือกับดีแทคเปิดตัว Happy Vampires เพื่อให้ลูกค้าดีแทคดาวน์โหลดเพลงแกรมมี่แบบไม่อั้น ทั้งริงโทน เพลงเต็ม และมิวสิควิดีโอเพลงเต็ม พร้อมอัพเดทเพลงใหม่ๆ จากศิลปินแกรมมี่ก่อนใคร ในราคาสุดคุ้มเพียงเดือนละ 20 บาท
และธุรกิจสื่อมีรายได้ 1,007.1 ล้านบาท เติบโต 43.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หลักๆ มาจากธุรกิจรับจ้างผลิต บริการรับจัดและบริหารกิจกรรม และการจัดหาอุปกรณ์ ธุรกิจวิทยุ และธุรกิจโทรทัศน์
ขณะที่บมจ. จีเอ็มเอ็ม มีเดีย (GMMM) มีรายได้ 1,116.5 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 72.2 ล้านบาท โดยธุรกิจรับจ้างผลิต บริการรับจัดและบริหารกิจกรรม และการจัดหาอุปกรณ์มีรายได้ 437.0 ล้านบาท เติบโต 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะมีลูกค้าจ้างทำอีเวนต์ใหญ่หลายราย
ธุรกิจวิทยุมีรายได้ 179 ล้านบาท เติบโต 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากรายการวิทยุ 4 สถานี คือ Green Wave, Hot Wave, EFM, และ Banana FM ที่มีลูกค้าลงโฆษณาเพิ่มขึ้น ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพอใจ และธุรกิจโทรทัศน์ มีรายได้ 352.6 ล้านบาท เติบโตสวนกระแสภาพรวมเม็ดเงินโฆษณาทีวีอยู่ที่ 8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เพราะรายการโทรทัศน์ที่กลุ่มบริษัทฯ ผลิตได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี เช่น ละครหลังข่าว รายการกลุ่มทีน เป็นต้น
อย่างไรก็ดี แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี แต่บริษัทฯ ก็สามารถผลักดันให้ผลประกอบการเติบโตเพิ่มขึ้น เนื่องจากบริษัทฯ เป็นคลังคอนเทนต์และทาเลนต์ที่ใหญ่สุดในเมืองไทย มีเพลงหลากหลายแนวให้เลือกเสพ ไม่ว่าจะเป็นเพลงลูกทุ่ง ป๊อป ร็อค เรโทร (เพลงเก่า)ฯลฯ อีกทั้งเป็นผู้ให้บริการเพลงแบบครบวงจร (Total Music Business) คือ มีความพร้อมทั้งบุคลากรทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลังเปี่ยมคุณภาพ ทำให้มีความได้เปรียบทางการทำตลาด