แต่จะพยายามรักษาอัตรากำไรขั้นต้นไว้ โดยตั้งเป้าจะอยู่ที่ 23.4% หรือเพิ่มขึ้นมา 0.2% ต่อปี จากปีนี้ที่คาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 23.2%
"ปีหน้า ก็ต้องดูว่า ภาวะเศรษฐกิจเติบโตยังไง หากเศรษฐกิจแย่เราก็คงจะไปตามเศรษฐกิจ แต่ยังไงก็ตามเราจะโตให้ได้กว่าตลาดโดยรวม และปีหน้าเราจะมาทบทวนแผนทุกๆ 3 เดือน" นายปรีชา กล่าว
ทั้งนี้ ในปี 52 บริษัทได้เพิ่มงบการตลาดเป็น 300 ล้านบาท จากปี 51ที่ใช้งบจำนวน 260 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นยอดขาย และยังคงเน้นการทำกิจกรรมการตลาดต่อเนื่อง
ขณะที่รายได้ปี 51 ขยายตัวได้ไม่น่าต่ำกว่า 11% ซึ่งสูงกว่าเป้าเดิมที่ตั้งเป้าโต 8-9% จากปี 50 ที่มีรายได้ 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัททำการตลาดอย่างต่อเนื่อง จัดกิจกรรมการขาย รวมทั้งการสร้างสินค้าแบรนด์ตัวเองที่ไม่มีขายห้างไหน เช่น สินค้าแฟชั่นของสตรี และบุรุษ
และคาดว่าจะมีกำไรสุทธิสูงกว่าปีก่อนที่มี 864.38 ล้านบาท แต่จะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นได้ตามนโยบายที่จ่าย 40%ของกำไรสุทธิ โดยปี 50 บริษัทจ่ายเงินปันผลอัตราที่ห้นละ 0.40 บาท (คิดเป็น 51%ของกำไรสุทธิ)
แต่ในไตรมาส 4/51 คาดว่ารายได้จะลดลงราว 2-3% จากไตรมาส 3/51 ที่มีรายได้ 3.23 พันล้านบาท เป็นเพราะลูกค้ามีความระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น หลังจากวิตกกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่ยังเชื่อว่ายังมีกำลังซื้อ
สำหรับปี 52 บริษัทจะใช้งบลงทุนประมาณ 1 พันล้านบาทเพื่อใช้ขยาย 2 สาขา ได้แก่ ที่ชลบุรี เปิดกลางปี 52 และ ขอนแก่น เปิดตัวในเดือนธ.ค.52 ส่วนสาขาอุบลราชธานี เลื่อนเปิดจากปีนี้ไป เพราะเจ้าของที่ดินติดปัญหาเรื่องเงินทุน
"เราจะเปิดสาขาปีละ 2-3 สาขา ซึ่งเราจะเน้นเปิดที่ต่างจังหวัด ดูแล้วคู่แข่งน้อย...เราพยายามจะปรับปรุงสาขาให้ดูเป็นห้างทันสมัย ทั้งภาพลักษณ์ และ มีสินค้าที่ทันสมัย ตอบสนองกับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าแต่ละท้องถิ่นได้ " นายปรีชา กล่าว
นอกจากนี้ สาขาบางแค มีแนวโน้มอาจปิดสาขา เพราะต้องรอดูสภาพพื้นที่ว่าจะสามารถปรับปรุงได้มากน้อยเพียงใด ซึ่งขณะนี้สภาพเสื่อมโทรม ประกอบกับมีพื้นที่บางส่วนถูกไฟไหม้เมื่อไม่กี่เดือน ปัจจุบันจึงเปิดใช้บางส่วนเท่านั้น อย่างไรก็ตาม สาขานี้ยังมีสัญญาเช่าพื้นที่เหลืออยู่ 16 ปี ทั้งนี้ สาขาบางแคมีรายได้ไม่ถึง 1% ของรายได้รวม
สำหรับโครงการซื้อหุ้นคืน นายปรีชา กล่าวว่า แม้ว่าคณะกรรมการบริษัทจะอนุมัติโครงการซิ้อหุ้นคืนไปแล้ว วงเงินไม่เกิน 536 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้นไม่เกิน 10% แต่บริษัทอาจไม่จำเป็นต้องซื้อหุ้นคืนก็ได้ เพราะราคายังไม่ปรับลงมาก ซึ่งราคายังสูงกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV) ที่ 3.55 บาท/ หุ้น
เมื่อเวลา 12.03 น.ราคาหุ้น ROBINS เคลื่อนไหวอยู่ที่ 7.00 บาท ลดลง 0.10 บาท (-1.41%)