นายเอซ่า เฮสคาเน่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. โกลว์ พลังงาน (GLOW) คาดว่า กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) ในปี 2552 จะที่ใกล้เคียงกับปี 2551
และตั้งแต่ปี 2553 เป็นต้นไป บริษัทคาดว่าจะมีความสามารถในการทำกำไรที่ดีขึ้นเนื่องมาจากโครงการขยายการลงทุนใหม่ของบริษัทได้เริ่มทยอยเปิดดำเนินการแล้วในช่วงปีนั้น เมื่อถึงปี 2554 กำลังการผลิตจะเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 50 กลุ่มบริษัทโกลว์จะมีความเปลี่ยนแปลงไปอย่างมากทั้งในแง่ขนาดของบริษัทและผลประกอบการโดยรวม
ทั้งนี้ นายเอซ่า กล่าวว่า ใน 9 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทมีรายได้รวม 25,681 ล้านบาท กำไรก่อนดอกเบี้ยจ่ายภาษีเงินได้และค่าเสื่อม (EBITDA) จำนวน 6,017 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (Net Normalized Profit: NNP) จำนวน 3,266 ล้านบาท
"เราได้ดำเนินการในมาตรการหลายอย่างเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว โดยผลของการดำเนินการดังกล่าวได้ช่วยให้กำไรสุทธิก่อนรวมกำไรหรือขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่ยังไม่รับรู้ (NNP) ของเราลดลงเพียงร้อยละ 1.36 เท่านั้น" นายเอซ่า กล่าว
นายเอซ่า กล่าวว่า การประกาศขึ้นอัตราค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมานี้ คาดว่าจะสามารถช่วยให้กำไรขั้นต้นของกลุ่มบริษัทโกลว์ที่ได้รับผลกระทบจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น และอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรที่ต่ำกว่าที่คาดหมายในปีนี้นั้นปรับตัวดีขึ้น โดยผลกระทบต่อกำไรขั้นต้นใน 9 เดือนแรกของปีนี้จากปัจจัยข้างต้นเท่ากับประมาณ 400 ล้านบาท ประกอบกับแนวโน้มการอ่อนตัวลงของเงินบาทในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมานั้นยังส่งผลให้อัตราค่าเงินบาทโดยเฉลี่ยของปีนี้เมื่อเทียบกับปีที่แล้วแข็งตัวขึ้นเพียงร้อยละ 5 ซึ่งทำให้ผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทลดลงเหลือเพียง 170 ล้านบาท
"ในวันนี้ กลุ่มบริษัทโกลว์สามารถทำข้อผูกพันในการขายสำหรับโครงการขยายกำลังการผลิต 115 เมกะวัตต์ ทั้งหมดแล้ว ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2553 และสามารถทำข้อผูกพันในการขายสำหรับโครงการขยายกำลังการผลิต 382 เมกะวัตต์เทียบเท่า ได้เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตในปี 2554 ยิ่งไปกว่านั้นกลุ่มบริษัทโกลว์ยังได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมผู้หุ้นให้ลงทุนในสัดส่วนร้อยละ 67.25 ในโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในประเทศลาว (Houay Ho Hydro Power Plant) กำลังการผลิต 150 เมกะวัตต์ ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเกิดขึ้นในราวต้นปี 2552 โดยโครงการนี้จะเป็นก้าวแรกและฐานที่สำคัญในการลงทุนโรงไฟฟ้าพลังน้ำในต่างประเทศเพื่อส่งไฟฟ้าขายในประเทศไทยต่อไป"นายเอซ่า กล่าว
ด้านนายสุทธิวงศ์ คงสิริ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่สายการเงิน GLOW กล่าวว่า กลุ่มบริษัทโกลว์ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มทุนในขณะนี้เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในประเทศ โดยบริษัทมีความสามารถในการจัดหาแหล่งเงินกู้เท่าที่จำเป็นต่อการขยายธุรกิจโดยยังไม่จำเป็นจะต้องลดอัตราการจ่ายเงินปันผล ด้วยอันดับความน่าเชื่อถือในระดับ A และวินัยทางการเงินของเราที่จะคงอัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้นในระยะยาวที่ระดับ 1.0
นอกจากนี้ ด้วยราคาหุ้นของโกลว์ในปัจจุบันและระดับการจ่ายเงินปันผลที่ผ่านมานั้น ผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) ของโกลว์ยังสูงกว่าร้อยละ 8 ด้วย