นายธนิตย์ ธารีรัตนาวิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอเชียน อินซูเลเตอร์ (AI) กล่าวยอมรับว่า รายได้ในปีนี้คงจะปรับลดลงเหลือ 2.5 พันล้านบาทจากเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3 พันล้านบาท ส่วนปี 52 เชื่อว่าจะทรงตัว เนื่องจากปริมาณการใช้ลูกถ้วยไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักมีความต้องการใช้ลดลง โดยเห็นสัญญาณคำสี่งซื้อลดลงตั้งแต่ไตรมาส 2/51 ประกอบกับลูกค้าบางรายขอเลื่อนการส่งสินค้าออกไป ทำให้มองว่า สัญญาณดังกล่าวจะลากยาวไปถึงปีหน้า และคาดว่าปริมาณการใช้ในปีหน้าจะปรับลดลง 10-15% จากปี 51
ในส่วนของธุรกิจน้ำมันพืช นายธนิตย์ เชื่อว่า หลังสามารถบริหารสต็อคด้วยการลดต้นทุนในการกลั่นพลังงานได้ดีขึ้น จะทำให้ในไตรมาส 4/51 น่าจะสามารถพลิกเป็นกำไรได้ จากที่ขาดทุนอยู่ 17 ล้านบาทในไตรมาส 3/51
แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะสามารถบริหารสต็อคและกลับมามีกำไรได้ในไตรมาส 4 แต่คงไม่สามารถทำให้อัตรากำไรขั้นต้น(Gross profit margin) ทั้งปีเพิ่มขึ้นจากปีก่อนได้ โดยมองว่าอัตรากำไรขั้นต้นในปีนี้จะอยู่ที่ 25% จากปีก่อนที่อยู่ในระดับกว่า 30% และในปีหน้าคงจะกลับมาดีขึ้น แต่ทั้งนี้จะดีได้หรือไม่ขึ้นกับราคาน้ำมันปาล์มด้วย
นายธนิตย์ กล่าวว่า บริษัทอยู่ระหว่างเตรียมการขยายตลาดน้ำมันพืชไปยังประเทศเพื่อนบ้านมากขึ้นในปีหน้า ไม่ว่าจะเป็นพม่า กัมพูชา และ เวียดนาม ซึ่งจะทำให้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นเป็น 3.5 แสนลิตร/วัน จาก 1.5 แสนลิตร/วัน ในปีนี้
นอกจากนี้ ในส่วนของงาน Engineering บริษัทอยู่ระหว่างการรอเซ็นสัญญาในการรับงานจากที่ประมูลไปแล้ว 660 ล้านบาท ซึ่งจะบันทึกเข้ามาในไตรมาส 4/51 บางส่วน แต่จะไปรับมากในไตรมาส 1-2/52 และยังมีงานลูกถ้วยไฟฟ้าที่ได้ยื่นประมูลไปแล้ว 500 ล้านบาท โดยจะเซ็นสัญญาภายในปีนี้ 300 ล้านบาท ส่วนอีก 200 ล้านบาทจะเซ็นสัญญาในปีหน้า
"ถึงแม้ปริมาณการใช้ลูกถ้วยจะลดลง แต่เชื่อว่าจะสามารถรักษา Gross margin ของลูกถ้วยไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 45-50%จากเดิม 40% เนื่องจากจาการที่มีการปรับราคา 2 เดือนก่อนที่ผ่านมาและการหาแหล่งวัตถุดิบใหม่ๆ ในการผลิต...ในปีหน้า การเติบโตคงไม่ได้ไปไหนไกล การที่เราประคองการเติบโตของรายได้ให้เท่าปีนี้ก็ถือว่าดี เพราะตอนนี้สถานการณ์ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป เราก็ต้องปรับตัว โดยเฉพาะน้ำมันปาล์มลดลงเยอะมาก และไม่สามารถควบคุมได้ และปีหน้าคงไม่เห็นการลงทุน เพราะที่ผ่านมาก็ลงทุนเยอะแล้ว ควรจะระมัดระวังดีกว่า"นายธนิตย์ กล่าว