นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. อสมท (MCOT) ยอมรับว่า รายได้ในปีนี้คงจะเติบโตไม่ถึงเป้าหมาย 15% เนื่องจาก 9 เดือนที่ผ่านรายได้เติบโตเพียง 12% ส่วนกำไรสุทธิที่ทั้งปีตั้งเป้าว่าจะเติบโตไม่น้อยกว่า 20% ในงวด 9 เดือนเติบโตได้ตามเป้าแล้ว แต่ยังต้องรอลุ้นผลประกอบการในช่วงปลายปีนี้
อย่างไรก็ตาม คาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทในช่วงไตรมาส 4/51 จะกลับมาดีขึ้น หลังจากในช่วงไตรมาส 3/51 ประสบภาวะซบเซา เนื่องจากในช่วงเดือน ธ.ค.มีกิจกรรมพิเศษหลายรายการ อาทิ การประกวดนางสาวไทย การโฆษณาคอนเสิร์ตคาราบาว รวมถึงคาดว่าจะมีเม็ดเงินการรณรงค์เลือกตั้งผู้ว่าราชการ กทม. นอกจากนี้บริษัทยังได้เป็นแกนหลักในการทำรายการทีวีของ ASEAN SUMMIT ที่เชียงใหม่ ซึ่งมีมูลค่าโครงการกว่า 10 ล้านบาทด้วย
นายวสันต์ กล่าวว่า การพ้นจากตำแหน่งภายใน 30 วันนับแต่วันที่ 14 พ.ย.นั้น คงจะไม่มีผลกระทบต่อแผนการดำเนินงานของ อสมท
อย่างไรก็ตาม นายวสันต์ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาทำงานให้อสมท ด้วยความตั้งใจ ทุ่มเท ซื่อสัตย์ สุจริต แต่เมื่อทางคณะกรรมการบริษัทเห็นควรว่าควรยุติบทบาท โดยให้เหตุผลว่าแนวทางการทำงานไม่ตรงกัน โดยส่วนตัวก็ต้องยอมรับเพราะเป็นทางออกที่ดีต่อทั้ง 2 ฝ่าย แม้ว่าจะมีการปรับตัวเข้าหากันและมีการแก้ไขแผนงานปี 52 ที่ถูกมองว่าทำผิดสัญญาจ้างแต่โดยส่วนตัวได้มีการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้วว่าแผนงานปี 52 ไม่ได้ผิดสัญญาจ้าง
"แต่ในเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายเห็นไม่ตรงกันก็จะต้องหาทางอออกร่วมกัน และทางออกที่บอร์ดเสนอมาถือว่าเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว อย่างไรก็ตาม โดยส่วนตัวไม่ขอออกความคิดเห็นว่ามีการเมืองเข้ามาแทรกแซงงานในอสมท หรือไม่" นายวสันต์ กล่าว
ด้านนางอรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล ประธานสหภาพ อสมท กล่าวว่า คณะกรรมการจะต้องชี้แจงถึงเหตุผลในการยุติการทำงานในหน้าที่ของผอ.วสันต์ให้ชัดเจน เพราะการอ้างแนวทางการบริหารไม่ตรงกันเป็นการให้เหตุผลเชิงความรู้สึกมากกว่าประสิทธิภาพในการบริหารงาน
ดังนั้น บอร์ดควรมีการชี้แจงและยืนยันว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้มีการแทรกแซงสื่อด้วยการเมือง และขอให้กระบวนการสรรหากรรมการผู้อำนวยการอสมท คนใหม่เป็นไปด้วยความโปร่งใสและรวดเร็ว และขอให้การดำเนินการใดๆ ไม่สร้างความเสียหายให้กับอสมท หรือซ้ำเติมองค์กร ขณะที่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในครั้งนี้