ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 300 จุดเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) ท่ามกลางการซื้อขายที่ผันผวน โดยในช่วงเช้าตลาดดีดตัวขึ้นจากแรงซื้อของกลุ่มเฮดจ์ฟันด์ แต่ต่อมาไม่นานตลาดก็เริ่มถอยลงมาเคลื่อนไหวอยู่ในแดนลบและปิดร่วงลงในที่สุด เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลต่อข้อมูลเศรษฐกิจที่ซบเซาของสหรัฐ
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 337.94 จุด หรือ 3.82% ปิดที่ 8,497.31 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปรับตัวลง 38.00 จุด หรือ 4.17% ปิดที่ 873.29 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 79.85 จุด หรือ 5.00% แตะที่ 1,516.85 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.4 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 4 ต่อ 1
นักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นในช่วงบ่ายหลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกเดือนต.ค.ร่วงลง 2.8% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากผู้บริโภคลดการใช้จ่ายลงในช่วงที่วิกฤตการณ์การเงินลุกลามไปทุกภาคส่วนของระบบเศรษฐกิจ
มาร์คัส โชเมอร์ นักวิเคราะห์จาก AIG Global Investment Group ในกรุงนิวยอร์กกล่าวว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคและภาคเอกชนของสหรัฐมีแนวโน้มร่วงลงอีกเนื่องจากตัวเลขว่างงานพุ่งสูงขึ้น ตลาดหุ้นดิ่งลง และราคาบ้านตกต่ำลง โดยล่าสุดมีบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่าง เบสท์บาย และนอร์ดสตรอม ปรับลดคาดการณ์คาดการณ์
"เดือนต.ค.เป็นเดือนที่ย่ำแย่ของกลุ่มค้าปลีก และคาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะยืดเยื้อมาจนถึงเดือนพ.ย.และธ.ค. ทั้งนี้ ผู้บริโภคมีปฏิกริยาในด้านลบต่อปัญหาที่เกิดขึ้นในตลาดอสังหาริมทรัพย์และอัตราว่างงานที่พุ่งสูงขึ้น" โชเมอร์กล่าว
กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 0.4% แตะระดับ 6.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีครึ่ง ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนต.ค.ร่วงลงอีก 240,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 10 เดือน
นักลงทุนยังคงจับตามาตรการฟื้นฟูภาคการเงินมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์ หลังจากนายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐสร้างความผิดหวังให้กับตลาดด้วยการออกแถลงการณ์ว่า รัฐบาลสหรัฐจะไม่ใช้งบประมาณดังกล่าวเข้าไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปัญหาหรือหนี้เสียของสถาบันการเงินต่างๆในประเทศ แต่จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ผู้บริโภค
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการประชุมสุดยอดผู้นำเศรษฐกิจโลก หรือ G20 ที่กรุงวอชิงตันในวันเสาร์นี้ โดยนายแดน ไพรซ์ ที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจระหว่างประเทศของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุช แห่งสหรัฐ คาดการณ์ว่าที่ประชุมจะเห็นชอบให้ใช้มาตรการเฉพาะเจาะจงในการรับมือกับภาวะผันผวนในตลาดการเงินและยับยั้งเศรษฐกิจโลกถดถอย
ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มค้าปลีกร่วงลงหลังจากบริษัทค้าปลีกหลายแห่งรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังและปรับลดคาดการณ์ยอดขาย โดยหุ้นเจซีเพนนี ร่วงลง 10.4% หุ้นเอเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ ดิ่งลง 20.7%