นายปิยะ ตันธนพิพัฒน์ รักษาการผู่ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายพัฒนาการลงทุน บมจ.ยูนิคไมนิ่ง เซอร์วิสเซส (UMS) เปิดเผยว่า บริษัทจะมีการทบทวนประมาณการรายได้ปี 52 ในเดือนธ.ค.นี้ จากเคยตั้งเป้าหมายไว้ในระดับ 30% เนื่องจากราคาถ่านหินผันผวนมาก ขณะที่ปีนี้รายได้ของบริษัทเติบโตได้เกินกว่าเป้าหมายมาก
"แนวโน้มปีหน้ายังไม่สามารถประมาณการได้ เพราะราคาถ่านหินมีความผันผวนสูงแต่เบื้องต้นคาดว่า ราคาจะไม่ปรับตัวลดลงรุนแรงเหมือนช่วงที่ผ่านมา แต่น่าจะค่อย ๆ ปรับตัวลดลง" นายปิยะกล่าว
สำหรับในปี 51 คาดรายได้จะเติบโตเกือบ 40% หรือทำรายได้ประมาณ 3.4-3.5 พันล้านบาท สูงกว่าที่เคยคาดการณ์ไว้ในระดับ 3.2 พันล้านบาท และในไตรมาส 4/51 คาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 3/51 ตามออเดอร์ที่เข้ามา โดยรายได้ในไตรมาส 4 น่าจะอยู่ที่ประมาณ 700 ล้านบาท
ส่วนอัตรากำไรขั้นต้นปี 51 คาดว่าจะอยู่ที่ระดับ 32% เพิ่มจากปีก่อนที่อยู่ในระดับ 30-31% สาเหตุมาจากราคาถ่านหินเพิ่มขึ้น ในช่วงครึ่งปีแรก แต่เริ่มปรับตัวลดลงในครึ่งปีหลัง แต่ราคาขายเฉลี่ยในปี 51 สูงกว่า 100 เหรียญ/ตัน จากปีก่อนที่อยู่ 65 เหรียญ/ตัน ส่วนอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ 15-16% สูงขึ้นจากปีก่อนเช่นกัน
นายปิยะ กล่าวถึงแผนการลงทุนปี 52 ว่า บริษัทได้ปรับลดวงเงินลงทุนกว่า 100 ล้านบาท จากเดิมคาดว่าจะลงทุนจำนวนเงิน 300-400 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ทำให้บริษัทต้องทบทวนการลงทุนคลังสินค้าและท่าเรือแห่งใหม่ที่ภาคตะวันออกและภาคใต้ โดยเบื้องต้นอาจปรับรูปแบบ และปรับเปลี่ยนการซื้อที่ดินเป็นเช่าแทน คาดว่าจะลดวงเงินลงทุนได้ประมาณ 50-60 ล้านบาท
รวมทั้งทบทวนโครงการปรับเปลี่ยนรถขนส่งมาใช้เอ็นจีวีจำนวน 24 คัน ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนได้เพียง 3 คัน คงจะไม่ดำเนินการต่อแล้ว เนื่องจากราคาน้ำมันได้ปรับลงไปมาก และการซื้อเรือมือสองจำนวน 5 ลำ เป็นเงินประมาณ 30 ลำ บริษัทจะชะลอการลงทุนออกไปก่อน
ส่วนการลงทุนในโครงการแปรถ่านหินเป็นก๊าซ ที่จะเสนอให้กับอุตสาหกรรมเซรามิกได้ทดลองใช้นั้น คงจะต้องทบทวนอีกครั้งให้รอบคอบรอบคอบ เนื่องจากอุตสาหกรรมเซรามิกได้รับผลกระทบโดยตรงจากเศรษฐกิจชะลอตัว รวมทั้งโครงการลงทุนธุรกิจเหมืองแร่ในอินโดนีเซีย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาอยู่ 4 รายแต่ยังไม่ได้ข้อสรุป เพราะเชื่อว่าราคาสินทรัพย์และราคาถ่านหินจะปรับตัวลดลงในปีหน้า ซึ่งถือเป็นโอกาสดีในการลงทุนมากกว่าปีนี้
ในปี 52 บริษัทมองว่าราคาถ่านหินปรับตัวเพิ่มขึ้นได้ยาก แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่จะปรับขึ้นได้อีกหลังไตรมาส 2/52 หลังจากที่ธุรกิจต่างๆเริ่มขาดสต็อกถ่านหิน