นายประพล พรประภา รองกรรมการผู้จัดการ บมจ. ฐิติกร (TK) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษาการรับจ้างติดตามหนี้ ซึ่งจะเป็นการเพิ่มรายได้นอกเหนือจากรายได้ที่มาจากการปล่อยสินเชื่อรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของมูลค่าหนี้ ว่าจะนำมาบริหารในรูปแบบใด หรือเป็นการซื้อหนี้เข้ามาบริหารก็ได้ ซึ่งคาดว่าจะเห็นข้อสรุปในปี 52 เนื่องจากปัจจุบันมีเม็ดเงินเพียงพอ อีกทั้งยังมีวงเงินกู้จากสถาบันการเงิน 2,650 ล้านบาท จากวงเงินกู้ทั้งหมด 5,400 ล้านบาท
โดยปัจจุบันมีหนี้ทั้งระบบทั้งที่เกิดจากแบงก์หรือไฟแนนซ์กว่า 3 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการดำเนินงานของบริษัท เชื่อว่าปีนี้ยังมีอัตราการเติบโตของรายได้ตามที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 10% จากปีก่อนที่มีรายได้ 2.3 พันล้านบาท สอดคล้องกับเป้าสินเชื่อที่เติบโต 10% จากพอร์ตรวมในปีก่อนที่ 4,871 ล้านบาท โดย 9 เดือนที่ผ่านมา พอร์ตสินเชื่อโตถึง 7% เป็นการเติบโตจากสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ ที่ได้รับผลดีจากราคาสินค้าเกษตรขายได้ราคาดี จึงทำให้กำลังซื้อของเกษตรกรเพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีต่อบริษัทเพราะว่าสัดส่วนรายได้ของบริษัทกว่า 55% มาจากต่างจังหวัด ซึ่งสูงกว่าปีก่อนที่รายได้จากต่างจังหวัดมีสัดส่วนเพียง 45% อีกทั้งสเปรดรถจักรยานยนต์อยู่ในอัตราที่สูง 37% เมื่อเทียบกับสเปรดรถยนต์ที่อยู่เพียง 6-7% เท่านั้น
นายประพล กล่าวต่อว่า ส่วนแนวโน้มปีหน้านั้น ยอมรับว่าประเมินว่า เพียงแค่มีการเติบโตของรายได้ทรงตัวจากปีนี้ก็ถือว่าพอใจแล้ว แต่หากจีดีพีไม่โตหรือติดลบก็อาจจะทำให้การเติบโตของยอดขายอาจจะลดลง
แต่อย่างไรก็ตาม ภายใต้ความกังวลดังกล่าว บริษัทก็ไม่หยุดนิ่งที่จะขยายสาขาในปีหน้า 3-4 แห่ง งบลงทุนสาขาละ 2-3 ล้านบาท เพราะอาจจะเป็นการเพิ่มรายได้ให้กับบริษัทได้อีกทาง