ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงกว่า 200 จุดเมื่อคืนนี้ (17 พ.ย.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย หลังจากมีข้อมูลบ่งชี้ว่าเศรษฐกิจทรุดตัวลงอย่างรุนแรง รวมถึงข่าวที่ว่าซิตี้กรุ๊ปประกาศลดพนักงานกว่า 50,000 คน
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 223.73 จุด หรือ 2.63% แตะที่ 8,273.58 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดร่วง 22.54 จุด หรือ 2.58% แตะที่ 850.75 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดร่วง 34.80 จุด หรือ 2.29% แตะที่ 1,482.05 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.31 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2,385 ต่อ 767 ตัว ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.86 พันล้านหุ้น
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กเป็นไปอย่างผันผวนตลอดวัน หลังจากมีรายงานว่าซิตี้กรุ๊ปจะปลดพนักงานทั่วโลกอีก 53,000 คน ซึ่งเป็นการลดจำนวนพนักงานครั้งรุนแรงที่สุดหลังจากบริษัทได้รับผลกระทบจากวิกฤตการเงินทั่วโลกและขาดทุนอย่างหนักติดต่อกัน 4 ไตรมาส นอกจากนี้ ซิตี้กรุ๊ปยังวางแผนที่จะปรับลดค่าใช้จ่ายลงมากถึง 20%
ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีพ.ศ.2550 ซิตี้กรุ๊ปมีพนักงานทั้งหมด 375,000 คน แต่เมื่อปลายเดือนกันยายนได้มีการปรับลดพนักงานอีกครั้งเหลือ 352,000 คน และคำแถลงปรับลดพนักงานเพิ่มเติมคราวนี้จะทำให้ซิตี้กรุ๊ปเหลือพนักงานราว 300,000 คน
นักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องมาตรการให้ความช่วยเหลืออุตสาหกรรมรถยนต์และสถาบันการเงินในสหรัฐ หลังจาก นายเฮนรี พอลสัน รมว.คลังสหรัฐประกาศเปลี่ยนแผนการใช้จ่ายเงินงบประมาณฟื้นฟูเศรษฐกิจมูลค่า 7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐที่สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐมีมติผ่านร่างไปเมื่อต้นเดือนต.ค.ที่ผ่านมา โดยระบุว่าจะไม่ใช้งบประมาณดังกล่าวเข้าไปซื้อสินทรัพย์ทางการเงินที่มีปัญหาหรือหนี้เสียของสถาบันการเงินต่างๆในประเทศ แต่จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความช่วยเหลือด้านสินเชื่อแก่ผู้บริโภค พร้อมระบุว่ารัฐบาลยังไม่มีแผนจะจัดตั้งกองทุนเข้ามาจัดการกับสินทรัพย์ที่มีปัญหาของอุตสาหกรรมรถยนต์ (TARP) เพราะเห็นว่าอุตสาหกรรมรถยนต์สามารถหาทางออกในการแก้ไขวิกฤติทางการเงินของตัวเองได้ โดยไม่ต้องใช้วิธีอัดฉีดเงิน
นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากผลสำรวจของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขาฟิลาเดลเฟีย ซึ่งบ่งชี้ว่า นักเศรษฐศาสตร์ภาคเอกชนเชื่อว่าเศรษฐกิจสหรัฐเข้าสู่ภาวะถดถอยในฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา และสถานการณ์ดังกล่าวจะดำเนินไปนาน 14 เดือน
หุ้นจีเอ็มดีดขึ้น 5.7% หุ้นไอบีเอ็มดิ่งลง 3.6% ขณะที่หุ้นอัลโคร่วงลง 10.8% หลังจากนักวิเคราะห์ของยูบีเอสปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าว หุ้นซิตี้กรุ๊ปร่วงลง 6.6% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ดิ่งลง 6.4%
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ วันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค.และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนพ.ย. ส่วนในวันพุธกระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.,กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนต.ค. นอกจากนี้ คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟดจะประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ยวันที่ 28-29 ต.ค.
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยว่าดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนต.ค. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ