บมจ.จุฑานาวี(JUTHA)คาดปี 52 รายได้จะเติบโตต่อเนื่องจากปี 51 จากจำนวนเรือที่เพิ่มขึ้นและมีสัญญาให้เช่าเรือล่วงหน้าไปจนถึงครึ่งปีแรกของปีหน้าแล้ว ส่วนปี 51 คงเป้ารายได้ปีนี้ 660 ล้านบาท และไม่มีแผนที่จะชะลอคำสั่งต่อเรือใหม่ 1 ลำ ซึ่งจะรับมอบในช่วงกลางปีหน้า แต่บริษัทได้ปรับกลยุทธด้วยการเพิ่มจำนวนเรือให้เช่า เพื่อลดผลกระทบวิกฤติโลก เนื่องจากเป็นการสร้างรายได้ที่แน่นอน นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังมีแผนซื้อหุ้นคืนโดยคาดว่าจะเริ่มในช่วงต้นปี 52 หลังจากราคาหุ้นร่วงต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV) ถึง 50% นายชเนศวร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ JUTHA เปิดเผยว่า บริษัทฯ ปรับแผนการเพิ่มเรือให้เช่าเหมาลำ เป็น 6 ลำ จากเดิม 5 ลำ และลดเรือที่วิ่งประจำเส้นทางเหลือ 1 ลำแทน เนื่องจากผลกระทบจากวิกฤตทางการเงิน ทำให้การขนส่งชะลอตัวลง อีกทั้งการปรับแผนดังกล่าวยังทำให้บริษัทฯ มีรายได้ที่แน่นอน เพราะการเช่าเหมาลำจะมีการทำสัญญาล่วงหน้า อีกทั้งยังมีความเสี่ยงต่ำกว่าเมื่อเทียบกับเรือประจำเส้นทาง เนื่องจากผู้เช่าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายเองเกือบทุกอย่าง
นอกจากนี้ การปรับแผนดังกล่าวยังส่งผลดี เพราะแนวโน้มค่าระวางเรือมีโอกาสที่จะปรับลดลง 30% เมื่อเทียบกับค่าระวางเรือในไตรมาส 3/51 ที่อยู่ที่ 16,157 แหรียญสหรัฐฯ ต่อลำต่อวัน
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังมีเรือที่อยู่ระหว่างการต่อใหม่จำนวน 1 ลำที่จะรับมอบในช่วงกลางปีหน้า ซึ่งจะทำให้บริษัทฯ มีเรือเพิ่มเป็น 8 ลำ โดยเรือที่สั่งต่อใหม่คงจะต้องมีการประเมินอีกทีว่าจะนำมาให้บริการเช่าหรือวิ่งประจำเส้นทาง จากเดิมที่วางแผนจะให้บริการแบบเช่า ขณะนี้ได้ทยอยชำระค่าเรือแล้ว 40% จากราคา 1,980 ล้านเยน หรือ 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
"การสั่งเรือใหม่ดังกล่าวจะทำให้บริษัทฯ มีหนี้สินเพิ่ม แต่ขณะเดียวกันหากดำเนินการใช้ได้ทันทีก็จะเริ่มมีรายได้เข้ามาเลย"นายชเนศวร์ กล่าว
อีกทั้ง ยังมีการทำสัญญาเรือเช่าเหมาลำล่วงหน้าเรือจากนี้ไปจนถึงครึ่งปีแรกของปี 52 ดังนั้น ในไตรมาส 4/51 บริษัทฯ จึงไม่ได้รับผลกระทบจากค่าระวางเรือ และยังเชื่อว่าในปี 52 ยังมีความสามารถที่จะเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 51 ที่มีรายได้รวม 660 ล้านบาทและเชื่อว่าสิ้นปี 51 ก็จะมีกำไรสุทธิดีกว่าปีก่อนที่มีกำไรสุทธิกว่า 16 ล้านบาท
นายชเนศวร์ กล่าวว่า ในส่วนการซื้อหุ้นคืนนั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการพิจารณา แต่เชื่อว่าคงจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 52 โดยปัจจุบันราคาหุ้นต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(Book value)ราว 50%
"ตอนนี้ยอมรับว่าประเมินได้ยากเหมือนกันว่าค่าระวางจะเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร เพราะในระยะสั้นได้เห็นสัญญาณแล้วว่ามีการชะลอการขนส่ง ซึ่งหากยังไม่ฟื้นและลากยาวไปจนถึงปีหน้าเราก็อาจจะปรับแผนมาเป็นบริการให้เช่าเหมาลำทั้งหมดก็ได้ ส่วนเรือประจำเส้นทางที่เคยขนส่งสินค้าไปประเทศญี่ปุ่นและเกาหลีนั้น หากญี่ปุ่นไม่สั่งซื้อสินค้าเราก็หันไปส่งเกาหลีแทนก็ได้"นายชเนศวร์ กล่าว