THL คาดปี 51 มีกำไรกว่า 100 ลบ.ล้างขาดทุนสะสมได้หมด-ปี 52 กำไรสูงขึ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday November 18, 2008 16:55 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

พล.อ.กิตติศักดิ์ รัฐประเสริฐ กรรมการบริหาร บมจ.ทุ่งคาฮาเบอร์ (THL) คาดปี 51 จะมีกำไรสุทธิไม่ต่ำกว่า 100 ล่านบาท และจะสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มี 108 ล้านบาทได้ทั้งหมด และคาดว่าปี 52 จะมีกำไรสุทธิเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจากปริมาณการผลิตทองคำเพิ่มขึ้นจากปีนี้ที่ผลิตได้ 2 หมื่นออนซ์/ปี และราคาทองคำน่าจะพุ่งขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์/ออนซ์

ในช่วงไตรมาส 3/51 บริษัท ทุ่งคำ ซึ่งเป็นบริษัทย่อยสามารถผลิตทองคำได้ถึง 3 พันออนซ์/เดือน ถือว่าสูงเป็๋นประวัติการณ์ ขณะเดียวกัน บริษัทจะสามารถทำราคาเฉลี่ยตามภาวะตลาดทองคำโลก โดยในไตรมาส 3/51 ราคาทองคำเฉลี่ยเพิ่มเป็น 867.88 ดอลลาร์/ออนซ์

ในปีหน้าบริษัทมีแผนจะส่งทองคำตามสัญญาการกู้ยืมให้ดอยซ์แบงก์ ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ เพิ่มเป็น 2.5 พันออนซ์/เดือน สูงขึ้นจาก 2.08 พันออนซ์/เดือนในปีนี้ ประกอบกับ บริษัทจะเปิดแปลงสำรวจแร่ทองคำอีก 1 แปลงบนพื้นที่สัมปทานเดิม

แต่หากปีหน้าราคาทองคำเพิ่มขึ้นมาเป็์น 1,000 ดอลลาร์/ออนซ์ตามที่ประเมินไว้ บริษัทจะเสนอราคาใหม่ หรืออาจจะไม่ขายให้กับดอยซ์แบงก์ เนื่องจากสัญญาที่บริษัททำกับดอยซ์แบงก์กำหนดราคาไว้ที่ 500-862 ดอลลาร์/ออนซ์

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวอีกว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการรอประทานบัตรเพิ่มเติมเพื่อขยายพื้นที่เหมืองทองคำ รวมทั้ง การผลิตและจำหน่ายทองแดงและเหล็กจากเหมืองเดิม ซึ่งมีความล่าช้าในการได้รับประทานบัตรจากภาครัฐ และได้รับการต่อต้านจากเอ็นจีโอและชุมชน แต่ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่ต้องทำให้เกิดขึ้น เนื่องจากช่วยผลักดันการเติบโตทางเศรษฐกิจ

"ปี 52 เราหวังว่าจะได้รับการทำสินเร่เพิ่มเติม อาทิ เหล็ก ทองแดง บนพื้นที่เดิม ซึ่งบริษัทใช้เทคโนโลยีที่สามารถสกัดสินแร่อื่นๆนอกหนือจากทองคำ แต่ยังไม่ได้รับใบอนุญาต" พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าว

สำหรับแผนการลงทุนเหมืองแร่ดีบุกในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ มาเลเซีย พม่า เวียดนาม ของบริษัท ทรัพยากรสมุทรนั้น กรรมการบริหาร THL คาดว่าจะได้ข้อสรุปในต้นปี 52 โดยบริษัทมองเห็นโอกาสทางธุรกิจจากราคาดีบุกที่เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ราว 13,000 ดอลลาร์/ตัน จากที่เคยอยู่ในระดับ 3-4 พันดอลลาร์/ตันในอดีต

รูปแบบการลงทุนเปิดไว้ 3 ทาง คือ เข้าไปลงทุนโดยตรง 100% หรือร่วมลงทุนกับนักลงทุนท้องถิ่นฝ่ายละครึ่งหนึ่ง หรือ ขอใบอนุญาตซื้อสินแร่มาสกัด ซึ่งแนวทางสุดท้ายสร้างรายได้ให้กับบริษัทไม่มาก ไม่คุ้มกับการลงทุนในต่างประเทศ จึงเห็นว่ามีความเป็นไปได้น้อย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนของบริษัทในปี 52 คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 100-1,000 ล้านบาท ขึ้นอยู่ขนาดของเหมืองที่ได้รับใบอนุญาต และขนาดเรือขนส่งสินแร่

พล.อ.กิตติศักดิ์ กล่าวว่า บริษัทเตรียมขายที่ดินย่านรัชดาจำนวน กว่า 3 ไร่ เพราะบริษัทเห็นว่าทิศทางเศรษฐกิจชะลอตัว และการทำโครงการอสังหาริมทรัพย์คงเป็นเรื่องยาก โดยขณะนี้ได้มีการเจรจาขายที่ดินบริเวณดังกล่าวจากผู้มาติดต่อหลายรายแล้ว คาดว่าจะใช้เวลา เพราะราคาเสนอซื้อยังไม่ถูกใจ

ปัจจุบัน บริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 600 ล้านบาท แบ่งเป็๋นสกุลเงินบาท 400 ล้านบาท และ สกุลดอลลาร์ 5.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้มีความสนใจที่จะเข้าโครงการซื้อหุ้นคืน เนื่องจากราคาหุ้นต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐาน แต่ยังติดขัดกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.)เรื่องฟรีโฟลต หรือสภาพคล่องการซื้อขายหุ้นในตลาด เพราะหากบริษัทซื้อหุ้นคืนอาจทำให้ฟรีโฟลตต่ำกว่าที่ตลาดกำหนดไว้ 15%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ