ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (14 พ.ย.) เพราะได้รับแรงหนุนจากการพุ่งขึ้นของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก และกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษจะลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่งขึ้น 76.39 จุด แตะที่ 4,208.55 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,033.40-4,208.55 จุด
จิมมี ยาเตส นักวิเคราะห์จาก CMC Markets ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากกระแสคาดการณ์ที่ว่าธนาคารกลางอังกฤษอาจลดอัตราดอกเบี้ย หลังจากสำนักงานสถิติแห่งชาติเปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ร่วงลงแตะ 4.5% จาก 5.2% ในเดือนก.ย. ซึ่งถือเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 11 ปี นับตั้งแต่เริ่มเก็บสถิติในเดือนม.ค.2540 อีกทั้งยังเป็นการร่วงลงมากที่สุดในรอบ 14 เดือน เมื่อเปรียบเทียบเป็นรายเดือน
เมอร์วิน คิง ผู้ว่าการธนาคารกลางอังกฤษกล่าวว่า การลดดอกเบี้ยเป็นเรื่องจำเป็นเพื่อยับยั้งภาวะเศรษฐกิจถดถอยและหลีกเลี่ยงภาวะเงินฝืด โดยชี้ว่าถ้าไม่มีการลดดอกเบี้ยลง เศรษฐกิจของประเทศอาจจะหดตัวลงเกือบตลอดทั้งปีหน้า และอัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวต่ำกว่าระดับ 1% ซึ่งเป็นอัตราขั้นต่ำที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้
หุ้นบีพีทะยานขึ้น 4.1% ขณะที่หุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ปิดบวก 3.9% ส่วนหุ้นเทสโกซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกรายใหญ่ของอังกฤษ ดีดขึ้น 2.6%
อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มธนาคารร่วงลงหลังจากนายแอลิสเตอร์ ดาร์ลิง รมว.คลังอังกฤษ ส่งสัญญาณว่า ธนาคาร HBOS อาจไม่สามารถขอความช่วยเหลือด้านการเพิ่มทุนจากรัฐบาลได้ ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นธนาคาร HBOS ร่วงลง 15.4% ขณะที่หุ้นธนาคารบาร์เคลย์สดิ่งลง 3%