ฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคิน(KKS)ได้คาดการณ์ดัชนีตลาดหุ้นไทย(SET)ของปี 2552 มีกรอบการเคลื่อนไหวที่ระดับ 300-600 จุด โดยอ้างอิง P/E 4.4-9.3 ภายใต้สมมติฐานอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจของไทย(GDP)ปี 2552 อยู่ที่ 3.5% และผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนติดลบ 5-10%
ทั้งนี้ หากดัชนีจะเคลื่อนไหวเกิน 600 จุด ได้ จะต้องอยู่บนสมมติฐาน ในเรื่อง GDP ของไทยปี 2552 ต้องมีอัตราการขยายตัวดีกว่าที่คาด 3.5% และความขัดแย้งทางการเมืองได้ข้อยุติ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงการกระตุ้นการลงทุนของรัฐบาลในโครงการเมกกะโปรเจคท์ต้องเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ปัจจัยที่คาดว่าจะยังกดดันตลาดหุ้นไทยในปี 2552 มีในเรื่องของเศรษฐกิจโลก คาดมีแนวโน้มชะลอตัวลง หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาวิกฤตสถาบัการเงินของสหรัฐ และได้ลุกลามไปยังทั่วโลก ซึ่งจะกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนมีแนวโน้มปรับตัวลง และการเมืองไทยคาดว่จะยังไม่ได้ข้อยุติต่อความขัดแย้ง และมีแนวดน้มต่อการเปลี่ยนแปลงในอนาคตด้านใดด้านหนึ่ง เช่น เลือกตั้งใหม่
แต่อย่างไรก็ตามมีปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยเช่นกัน อย่างราคาน้ำมันดิบโลก มีแนวโน้มระดับราคาต่ำกว่าค่าเฉลี่ยปี 2551 โดยคาดว่าราคาน้ำมันเฉลี่ยปี 2552 อยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งทำให้คลายความกังวลเรื่องอัตราเงินเฟ้อ และยังเรื่องอัตราดอกเบี้ยของไทย คาดว่าแนวโน้มทิศทางขาลง โดยคาดว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยในปี 2552 จะอยู่ที่ระดับ 2.00-2.50%ต่อปี หลังจาก ณ สิ้นปี 2551 คาดว่จะอยู่ที่ 3.25-3.50%ต่อปี
ทั้งนี้ หุ้นที่น่าสนใจจะพิจารณาจากระดับราคาหุ้นที่โดดเด่นในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ๆ เช่น พลังงาน ธนาคารพาณิชย์ รวมถึงกลุ่มที่คาดว่าได้รับผลคาดหมายการเติบโตต่อการอุปโภคบริโภคที่มี upside gain มีการจ่ายปันผลสม่ำเสมอ และมีสภาพคล่องในการซื้อ มีดังนี้ หุ้น PTTEP, PTTCH, RATCH, PTT, BANPU, GLOW, BCP-DR1, SCB, KBANK, BAY, LPN, SPALI, TTW, SCC, ITD, ADVANC, DTAC, CPALL, BEC